สาเหตุที่พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว เพราะต้องการใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกับประชาชนโดยตรง และจะมีการเผยแพร่ในด้านการทำงาน รวมถึงเผยแพร่มุมสบายหรือไลฟ์สไตล์ของตัวเองในมุมที่ไม่เคยเห็น นอกจากนี้ยังเปิดให้ประชาชนได้สื่อสารกับพล.อ.ประยุทธ์ได้โดยตรงอีกด้วย และจะมีทีมงานใกล้ชิดเป็นแอดมินดูแลเพจให้ด้วย
เพียงข้ามคืนเพจเฟซบุ๊ก พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีคนเข้าไปกดติดตาม 8 หมื่นกว่าคน และทันทีที่โพสต์เทมเพลต พร้อมข้อความ “หากท่านมีข้อเสนอแนะ ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือต้องการให้ผมลงไปดูแลแก้ปัญหา เขียนเล่าสู่กันฟังได้ครับ” ก็มีคนเข้าไปแสดงความเห็นกว่า 10,000 ข้อความ กดแชร์อีกกว่า 7,000 ครั้ง ซึ่งไม่ต้องคาดเดาเลยว่าข้อความส่วนใหญ่จะเป็นไปในแนวทางไหน
วันนี้ “ทีมข่าวนิวมีเดีย” จึงรวบรวมเหล่าคนดังในแวดวงการเมืองไทย ที่ใช้โซเชียลเป็นช่องทางสื่อสารกับแฟนคลับ หรือ ไว้ตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม
คนแรกคงเป็นใครไม่ได้ นอกจาก “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ แสดงความเห็น การโพสต์ข้อความของเขาแต่ละครั้งถึงกับสะเทือนในวงการเมืองไทยไม่น้อย โดยเฉพาะ วลีเด็ด “เกาะโต๊ะ” ที่เขาตอบโต้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม จนเป็นที่ฮือฮากันในสังคมโซเชียล และทำให้พล.อ.ประวิตร ต้องหยุดให้สัมภาษณ์สื่อไปหลายวัน
“ทักษิณ” แทบจะนับได้ว่าเป็นนักการเมืองไทยคนแรก ที่ใช้โซเชียล “ปฏิบัติการข่าวสาร หรือ Information Operation (IO)” จนได้ผลตอบสนองค่อนข้างดีเป็นพิเศษ เพราะการแสดงความเห็นของเขาแต่ละครั้งเข้าถึงคนในสังคมโซเชียลได้เป็นอย่างมาก
คนต่อมาคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ที่ใช้เพจเฟซบุ๊ก เครื่องมือประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกพรรค และ ผู้สนับสนุน เข้าถึงภาพลักษณ์ของเขา โดยหลักๆมักเป็นภาพกิจกรรมในการลงพื้นที่พบปะประชาชน บางข้อความเสมือนมี ทีมงานโพสต์ให้
ถัดมาอีกคนที่ใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือสื่อสาร คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส. ใช้ เพจเฟซ บุ๊กส่วนตัว ชี้แจงเรื่องราวต่างๆ และ ภาพกิจกรรมในการลงพื้นที่ จนมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นไม่เห็นน้อยเช่นกัน ถึงแม้จะมีความเห็นในด้านลบก็ตาม แต่ถือว่า “นายสุเทพ” ประสบความสำเร็จที่สามารถนำข่าวสารเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ จนมีคนกดติดตามกว่า 2ล้านคน
การเลือกตั้งปี 2562 จะเป็นการสู้ศึกที่ค่อนข้างดุเดือด โดยเฉพาะ ศึกในสังคมโซเชียล ใครสามารถชิงพื้นที่สังคมออนไลน์ได้ ถือว่ามีแต้มต่อ และ จะได้เห็นนักการเมืองทั้งหน้าใหม่ และ หน้าเก่า ประลองความสามารถ สร้างภาพลักษณ์ของตนเอง ทั้งในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือ แม้ในอินสตาแกรมด้วย
