จากรณีที่เป็นกระแสในสังคมออนไลน์ว่ามีการชักชวนให้บริจาคเงินสมทบทุนวิจัย “ยารักษามะเร็ง” เพื่อให้ได้ยารักษามะเร็งที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้ และมีผลข้างเคียงน้อย จากข้อมูลของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย ดังนั้นการวิจัย "ยารักษามะเร็ง" จึงถือเป็นความหวังและทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น
โดยนพ.ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล ผู้อำนวยการศูนย์ชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทีม ได้ยึดแนวคิดมะเร็งเป็นความป่วยของภูมิต้านทาน และใช้เป็นแนวทางในการวิจัย
โดยนพ.ไตรรักษ์ ได้อธิบายว่า แต่เดิมยารักษามะเร็งในอดีตจะเป็นพิษกับเซลล์ เพราะกระบวนการทำงานคือต้องการฆ่าเซลล์ แต่ยารักษามะเร็งที่กำลังวิจัยอยู่นี้ทำให้ภูมิต้านทานทำงานได้อย่างปกติ และเป็นกลไกธรรมชาติ เนื่องจากคนไข้ที่เป็นมะเร็ง เม็ดเลือดขาวจะทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะมะเร็งจะหลอกเม็ดเลือดขาว ไม่ให้ฆ่ามะเร็ง ซึ่งยาตัวใหม่จะทำให้เม็ดเลือดขาวสามารถกลับไปฆ่ามะเร็งได้ โดยเป็นกลไกตามปกติของระบบร่างกาย ดังนั้นการใช้ยานี้ จึงมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่ายาในอดีต โดยยารักษามะเร็งที่วิจัยอยู่นี้ จะรับรองให้ใช้รักษามะเร็ง 15 ชนิด เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
ทั้งนี้ในการผลิตยาจะทำทั้งหมด 5 เฟส เฟส 1 คือ การผลิตยาแอนติบอดีต้นแบบจากหนู สามารถทำสำเร็จแล้ว ได้ต้นแบบมา 1 ตัว และในตอนนี้เข้าสู่การพัฒนาเฟส 2 คือ การปรับปรุงแอนติบอดีให้มีความคล้ายของมนุษย์ โดยตั้งเป้าภายในปี 2566 จะมียาใช้ทดลองในผู้ป่วยได้ ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายของการวิจัยคือการลดค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็ง
บัญชีออมทรัพย์ 408-004443-4 ธ.ไทยพาณิชย์สาขาสภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
