รัฐบาลสหรัฐฯเริ่มบังคับใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจแบบเต็มรูปแบบกับอิหร่านอีกครั้งในวันนี้ ( 5 พ.ย. 2561) โดยสหรัฐฯอ้างว่าเป็นการคว่ำบาตรครั้งรุนแรงที่สุดที่เคยมีมา เนื่องจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการซื้อขายน้ำมัน รวมถึงภาคธนาคารและการทำธุรกรรมระหว่างประเทศของอิหร่าน
ท่าทีดังกล่าวถูกจับตามองจากทั่วโลก เนื่องจากไม่ใช่แค่เพียงอิหร่านเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบประเทศใดหรือกลุ่มธุรกิจใดก็ตามที่ฝ่าฝืนทำการค้ากับอิหร่าน ก็อาจได้รับผลกระทบและมีปัญหากับสหรัฐฯไปด้วย ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็เสี่ยงที่จะทะยานขึ้น หากปริมาณน้ำมันดิบในตลาดหายไปมาก
ขณะนี้มีประมาณ 8 ประเทศ ที่จะได้รับการผ่อนผันชั่วคราวนานสูงสุด 180 วัน เพื่อให้สามารถซื้อขายน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตลอดจนก๊าซธรรมชาติกับอิหร่านได้ต่อไป อาทิ อิตาลี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตุรกี และจีน ส่วนสหภาพยุโรป หรือ อียู ไม่ได้อยู่ในรายชื่อผ่อนผันครั้งนี้ ขณะที่กระทรวงพลังงานของรัสเซีย ที่ออกมายืนยันว่าจะยังทำการซื้อขายน้ำมันดิบกับอิหร่านต่อไป
ด้านประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ของอิหร่าน ประกาศว่า อิหร่านจะไม่สนใจมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และจะเดินหน้าส่งออกน้ำมันดิบต่อไป ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่าน รายงานว่า กองทัพอากาศอิหร่านได้เริ่มผลิตเครื่องบินรบขึ้นเองในประเทศ โดยในวันนี้และวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.2561) จะมีปฏิบัติการซ้อมรบทางอากาศ เพื่อแสดงแสนยานุภาพทางทหารอีกด้วย
ส่วนบรรยากาศที่กรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน เมื่อวานนี้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 39 ปี การบุกยึดสถานทูตสหรัฐฯ ในปี 1979 มีประชาชนหลายพันคนออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านสหรัฐฯ โดยบรรยากาศปีนี้คึกคักและดุเดือดกว่าทุกปี เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่มาตรการคว่ำบาตรจะมีผลบังคับใช้นั่นเอง
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้