เมื่อวันที่ (7 พ.ย. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปี ผู้เสียหายถูกหลอกให้ทำอาหารพร้อมน้ำดื่ม ส่งโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ด้วยการทำสัญญาผูกมัดเป็นเวลา 5 ปี ให้ผลิตข้าวกล่อง วันละ 10,000 กล่อง และน้ำดื่ม อีกวันละ 10,000 ขวด รวมถึงไข่ต้มส่งวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 30,000 ฟอง ระหว่างทำสัญญาถูกเรียกเงินล่วงหน้าเพื่อจ่ายค่าสัมปทาน รวมกว่า 100,000 บาท
นางธนิสร บอกว่าที่หลงเชื่อเพราะเห็นว่าผู้มาติดต่อเป็นคนรู้จักกัน จึงทำสัญญาสัมปทานกับบริษัทดังกล่าวไป โดยญาติมาร่วมลงทุนซื้อข้าวของเครื่องใช้และเครื่องครัว พร้อมเรียกชาวบ้านพื้นที่ใกล้เคียงและรู้จักกันจำนวนกว่า 60 คน มาเป็นแรงงานเพื่อผลิตข้าวกล่องและน้ำดื่ม ทำกันหามรุ่งหามค่ำ โดยลงทุนไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท หลังจากทำสัญญาเรียบร้อยแล้วและทำการผลิตข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่ม ปรากฏว่าผู้ทำสัญญาอ้างสารพัดอย่าง ว่าทำไม่ได้มาตรฐาน ทำไม่ครบจำนวนบ้าง
นางธนิสร ผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสอน สภ.พญาแมน จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 299,000 บาท โดยให้ชดใช้ภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน แต่หากไม่จ่ายก็จะคิดค่าเสียหายเพิ่มเป็น 799,000 บาท ซึ่งเป็นค่าสัญญา ค่าอุปกรณ์และค่าจ้างแรงงาน เบื้องต้น ตำรวจรับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และอยู่ระหว่างสอบสวนพยานแวดล้อม รวบรวมหลักฐาน พร้อมเตรียมออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาเจรจาไกล่เกลี่ยกัน
พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ระบุว่า จากการส่งทีมชุดสืบสวน ลงไปในพื้นที่โรงงานไทยแอรโรว์ ตำบลหัวรอ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเข้าไปสอบถามข้อมูล กรณีมีผู้ถูกว่าจ้างทำข้าวกล่องอ้างว่าจะต้องนำมาส่งให้โรงงานนี้ จริงหรือไม่ ทางโรงงานยืนยันว่า ไม่รู้จักแม่ค้า ที่ทำข้าวกล่อง รวมถึงไม่ได้เป็นคู่สัญญา เรื่องอาหารและน้ำดื่มแต่อย่างใด พร้อมชี้แจงว่าทางโรงงานมีโรงอาหาร ไม่จำเป็นต้องสั่งข้าวกล่องและน้ำขวด น้ำดื่ม เพิ่มเติม
เบื้องต้นตำรวจยังได้ตรวจสอบประวัติผู้ที่ว่าจ้าง นางธนิสรให้ทำข้าวกล่อง พบว่าเป็นพี่สามีกับน้องสะใภ้ มีพฤติกรรมในการหลอกลวงซึ่งน้องสะใภ้มีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีอื่นและคดียาเสพติด ได้เร่งให้พนักงานสอบสวนทุกโรงพักตรวจสอบประวัติบุคคล ทั้ง 2 พร้อมยืนยันว่า ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความขณะนี้มีเพียงคนเดียว
กรณีที่เกิดขึ้นทำให้ พล.ต.ต.พยูห์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีนี้เป็นกรณีพิเศษโดยมี พ.ต.อ.คีรี เกียรติสาร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในการสอบสวน พร้อมตั้งให้ สถานีตำรวจภูธรวังกะพี้ และสถานีตำรวจภูธรพญาแมน เป็นศูนย์รับเรื่องแจ้งร้องทุกข์ เนื่องจากคาดว่าจะมีเจ้าทุกข์อีกหลายเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่พบ แต่หากพบเข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องถูกลงโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออก