วันนี้ (8 พ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกรมสรรพสามิต มีแนวคิดเก็บภาษีจากสินค้าที่มีไขมันและความเค็ม โดยนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า เรื่องนี้น่าจะมีข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ และเป็นเพียงข้อเสนอจากกรมสรรพสามิต ซึ่งต้องเสนอให้รัฐบาลให้ความเห็นชอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องนี้เป็นไปตามแนวทางที่กรมสรรพสามิตมีการดำเนินงานที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ การส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เป็นอนาคตของประเทศ (New S-curve ) รวมถึงเรื่องสุขภาพของคนในชาติก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่หวังจะช่วยลดภาระงบประมาณด้านค่ารักษาพยาบาลลงในอนาคต แต่ต้องย้ำว่า เรื่องเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นกรณีอาหารที่มีความมัน หรือไขมันทรานส์ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต หรือเรื่องความเค็มที่ทำให้เกิดโรคไต ก็ต้องใช้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาทในการรักษาแต่ละปี ทั้งหมดนี้ ทางกรมสรรพสามิตต้องการปรับตัวเองจากที่ถูกมองว่าเก็บแต่ภาษีบาป ไปสู่การส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้คนไทยมากขึ้น ไม่ใช่รัฐบาลถังแตก
ทั้งนี้ แนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตตามปริมาณความเค็ม และปริมาณไขมันนั้น จะยึดแนวทางเดียวกับภาษีความหวานที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเน้นเก็บจากอาหารที่มีคนบริโภคมาก ๆ มีการผลิตเป็นอุตสาหกรรม ไม่ใช่เก็บจากชาวบ้านทั่วไป ขณะเดียวกันต้องมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดความเค็ม หรือมีไขมันอยู่ ยิ่งมากก็จะยิ่งถูกเก็บภาษีในอัตราที่มากขึ้นตาม แต่ในระยะแรกจะต้องให้เวลาปรับตัว และยังต้องหารือกับผู้ผลิตต่อไปด้วย
อย่างไรก็ตามทางเพจเฟซบุ๊กพีพีทีวี (PPTV HD 36) ได้จัดทำโพลสำรวจความเห็นในเรื่อง ภาษีอาหาร มัน – เค็ม ณ เวลา 16.15 น. จากจำนวนผู้เข้ามาโหวตกว่า 5,700 คน พบว่า มีผู้เห็นด้วย 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยในเชิงสุขภาพ ขณะที่ ไม่เห็นด้วยสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะมองว่ารัฐบาลควรไปเก็บภาษีอย่างอื่นดีกว่า โดยพีพีทีวียังเปิดโหวตอยู่ ถ้าสนใจเข้าไปโหวต และแสดงความคิดเห็นกันได้ที่เพจเฟซบุ๊ก PPTV HD 36