วันนี้ (11 พ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฏร์ธานี ยังคงลำเลียงเรือท้องแบนเข้าไปในพื้นที่นากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพื่อใช้ในการนำอาหารเข้าไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน 11 หมู่บ้าน ที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่หนักสุดของอำเภอท่าแซะเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.61) นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนากระตาม กล่าวว่า ใน 11 หมู่บ้าน มี 500 กว่า ครัวเรือน และ ชาวบ้าน 1,700 กว่าคน ที่ได้ผลกระทบ ซึ่งถือว่าเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงเทียบเท่ากับเหตุการณ์น้ำท่วม จากผลกระทบของพายุซีตาร์ เมื่อปี 2540 และเนื่องจากบางจุดระดับน้ำสูงถึง 5 เมตร กระแสน้ำไหลเชี่ยว จึงเป็นอุปสรรคในการนำอาหารเข้าไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ทำให้บางจุดการช่วยเหลือมีข้อจำกัด แม้จะมีเรือก็ตาม หากฝืนเข้าไป เจ้าหน้าที่เกรงว่าอาจเป็นอันตรายได้ จึงยังต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายก่อน
ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมตอนนี้พ้นจุดวิกฤตแล้ว แต่ยังมีพื้นที่ท้ายน้ำบางจุดที่ยังต้องรับน้ำอยู่ เช่น ตำบลนากระตาม และ ตำบลท่าข้าม เทศบาลตำบลท่าแซะ และยังรวมถึงบางตำบลของอำเภอเมืองชุมพรด้วย คาดว่าอีก 2 วันสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายมากขึ้น ขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว และดูแลเรื่องยารักษาโรคให้ทั่วถึง
โดยส่วนที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่สิ่งที่ตามมาคือความเสียหาย ซึ่งบ้านของนางบุญยิ่ง พาณิชย์ อายุ 82 ปี หญิงชราที่อาศัยอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ติดคลองบางสะพาน ตำบลพงศ์ประศาสน์ ทางน้ำไหลผ่านลงสู่ทะเล ถูกน้ำเข้าท่วมในบริเวณบ้านข้าวของเสียหายเกือบทั้งหมด เพราะน้ำป่าทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ขณะนี้เริ่มคลี่คลายลงแล้ว มีเพียงที่ลุ่มต่ำบางจุดยังมีน้ำท่วมขัง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปประจำจุดพื้นที่ประสบภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนโรงพยาบาลบางสะพานสามารถกลับมาให้บริการได้แล้วแต่ยังให้บริการได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยได้ตั้งโรงพยาบาลสนามที่โรงเรียนบางสะพานวิทยาเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน
ทั้งนี้คาดการณ์ ว่าภายใน 2 นี้ ถ้าหากไม่มีฝนบนเทือกเขาตะนาวศรีลงมาเพิ่มเติม สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างน้ำทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วยอ่างน้ำวังน้ำเขียว อ่างน้ำโป่งสามสิบ และอ่างเก็บน้ำคลองลอย จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติน้ำไม่ล้นสปิลเวย์แล้ว หลังจากนี้จะเป็นการเข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้พื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอบางสะพานกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
ขณะเดียวกันที่ อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สำรวจ พบบ้านเรือนประชาชนในอำเภอดอนสักที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมบ้านแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ครัวเรือน ล่าสุดระดับน้ำลดระดับลงเล็กน้อย ประมาณ 10 เซนติเมตร จากช่วงเช้า ทำให้น้ำยังคงท่วมบ้านเรือนระดับน้ำสูงสุดประมาณ 1.2 เมตร รวมถึงถนนภายในหมู่บ้านที่มีอย่างน้อย 2 เส้นการจราจรที่ใช้การไม่ได้ นายไพรัตน์ บุญฤทธิ์ ปลัดอำเภอดอนสัก ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบระบุว่า แม้ขณะนี้ระดับน้ำจะลดระดับลงเนื่องจากน้ำทะเลที่หนุนสูงได้ไหลกลับทะเล แต่ยังให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนท้องถิ่นและฝ่ายปกครอง ร่วมกันติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากท้องฟ้ายังมืดครึ้มอาจมีฝนตกลงมาได้อีก รวมถึงติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ตอนบนที่จะไหลเข้าพื้นที่ว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใด รวมถึงปริมาณฝน เพื่อคอยแจ้งเตือนและเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน
