ฝรั่งเศสโจมตีลัทธิชาตินิยม ในวันรำลึกสงบศึกสงครามโลก

ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดพิธีรำลึกครบรอบ 100 ปี การสงบศึกในสงครามโลกครั้ง 1 ที่บริเวณสุสานทหาร ใต้ประตูชัย Arc de Triomphe (อาร์ก เดอ ทรียงฟ์) ในกรุงปารีส

โดยมีผู้นำจาก 120 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมพิธีด้วย อาทิ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี รวมถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยด้วย

และจุดที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ การขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ความยาวเกือบ 20 นาที ของนายมาครง โดยเขาเรียกร้องให้ผู้นำโลกร่วมกันต่อสู้เพื่อสันติภาพ พร้อมกล่าวเตือนว่า ลัทธิชาตินิยมและกระแสคลั่งชาติ กำลังกลับมาอีกครั้ง หลังจากหายไปนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1

มาครงระบุว่า ใครก็ตามที่อ้างว่าผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน โดยไม่สนใจกับทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง คนๆนั้นกำลังเหยียบย่ำสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ประเทศประเทศหนึ่งควรมี นั่นคือ การให้คุณค่ากับศีลธรรมและความผิดชอบชั่วดี หลายฝ่ายจับจ้องไปที่ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งชูนโยบายบริหารประเทศตามหลัก "อเมริกาต้องมาก่อน" โดยตลอดการแถลง ทรัมป์นั่งฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า นายมาครงตั้งใจพูดถึงประเด็นนี้ เพื่อวิจารณ์ทรัมป์โดยตรง

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์ และมาครง ไม่ค่อยราบรื่น นับตั้งแต่ก่อนเริ่มพิธี โดยก่อนหน้าการเยือนของผู้นำสหรัฐฯ นายมาครงได้เสนอแนวคิดจัดตั้งกองทัพยุโรป ซึ่งทรัมป์มองว่าเป็นความคิดที่ไม่ให้เกียรติกัน และยังโจมตีกลับว่าสิ่งที่ยุโรปควรทำเป็นอย่างแรกคือ การแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของสหรัฐฯ ในนาโต (NATO) มากกว่า ขณะที่บรรดาสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตถึงท่าทางการวางตัวที่ผู้นำฝรั่งเศสมีต่อทรัมป์ โดยมีความพยายามในการจับตัวทรัมป์หลายครั้ง เพื่อลดบรรยากาศตึงเครียดและความบาดหมาง แต่ฝ่ายทรัมป์กลับมีท่าทีเมินเฉย

ผิดกับท่าทีที่ทรัมป์ มีต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยทั้งสองมีโอกาสได้จับมือทักทายกันเล็กน้อยก่อนเริ่มพิธี ทรัมป์ตบไหล่ปูตินเบาๆ ขณะที่ปูตินยกนิ้วโป้งให้ทรัมป์

หลังเสร็จสิ้นพิธี ได้มีการเลี้ยงอาหารกลางวันกัน มีเหตุขัดข้องเกิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อฝ่ายจัดงานมีการสับเปลี่ยนที่นั่งในช่วงนาทีสุดท้าย เพื่อไม่ให้ทรัมป์กับปูตินนั่งติดกัน โดยไม่ได้เปิดเผยถึงเหตุผล

ตลอดการเยือนปารีสครั้งนี้ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ถึงการทำตัวไม่เหมาะสม เนื่องจากเขาได้ตัดสินใจยกเลิกกำหนดการเยี่ยมสุสานทหาร ทางตะวันตกของกรุงปารีส โดยให้เหตุผลเพียงว่า สภาพอากาศไม่ค่อยดี ขณะที่ก่อนเริ่มพิธีเมื่อวานนี้ มีหญิงเปลือยอก ซึ่งคาดว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มสิทธิสตรี "ฟีเมน" (Femen) มาพร้อมข้อความ "Fake Peacemaker" หรือผู้สร้างสันติภาพจอมปลอม บนหน้าอก พยายามวิ่งเข้าใส่ขบวนรถของทรัมป์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดไว้ได้

นอกจากนี้ ในระหว่างพิธี ก็มีกลุ่มคนมาประท้วง โดยมีการนำเอาบอลลูน “เบบี้ทรัมป์” มาลอยอยู่ด้านนอกสถานที่จัดงานด้วย