บรรยากาศที่ด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำกรุงเคียฟ ของยูเครน เต็มไปด้วยกลุ่มผู้ประท้วงนับร้อยคน ที่ออกมาชุมนุมและจุดไฟเผารถยนต์ เพื่อต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย สืบเนื่องจากปมขัดแย้งรอบล่าสุดที่เกิดขึ้นในบริเวณคาบสมุทรไครเมีย โดยเรือลาดตระเวนของรัสเซีย ได้ใช้กำลังเข้าสกัดเรือ 3 ลำของกองทัพเรือยูเครน ที่บริเวณช่องแคบเคิร์ช ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่รัสเซียและยูเครนใช้ร่วมกัน ในการผ่านเข้าสู่ทะเลอาซอฟ ส่งผลให้ทหารยูเครนได้รับบาดเจ็บหลายนาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่รัสเซียจะขึ้นไปตรวจค้น และทำการยึดเรือทั้ง 3 ลำไว้ โดยให้เหตุผลว่า มีการรุกล้ำน่านน้ำอย่างน้อย 2 ครั้งทั้งที่มีการเตือนแล้ว
รัสเซียกล่าวหาว่า นี่เป็นความผิดของรัฐบาลยูเครน ที่ไม่ยอมแจ้งล่วงหน้าว่าจะใช้เส้นทางเดินเรือนี้ ขณะที่ทางการยูเครนปฏิเสธข้อกล่าวหา และขอประณามพฤติกรรมรุนแรงทั้งหมดของรัสเซีย
หลังเกิดเหตุ ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นการด่วน ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อประเมินสถานการณ์และหารือมาตรการที่จะดำเนินต่อไป โดยผู้นำยูเครนเสนอให้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพื่อรับมือเหตุตึงเครียดครั้งนี้
ด้านสหภาพยุโรป และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัสเซียคืนเสรีภาพการเดินเรือในบริเวณช่องแคบดังกล่าว และขอให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC เตรียมเรียกประชุมวาระฉุกเฉินในวันนี้ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์
เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นการเผชิญหน้าครั้งรุนแรงที่สุดระหว่างรัสเซียและยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียผนวกเอาดินแดนไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ เมื่อปี 2014 ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายว่า นี่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางทหารระหว่างทั้ง 2 ประเทศอีกครั้ง