สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กรุงปารีส ในขณะนี้มีสภาพคล้ายกับสงครามกลางเมือง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้สวมใส่เสื้อกั๊กสีเหลืองออกมาประท้วงไปตามท้องถนน และเกิดปะทะกับตำรวจปราบจลาจล ทำให้การประท้วงที่สงบเปลี่ยนเป็นการปะทะกันระหว่าง 2 ฝ่าย
โดยตลอดช่วงคืนวันเสาร์ (1 ธ.ค.61) จนถึงวันอาทิตย์ (2 ธ.ค.61) ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงได้มุ่งเป้าไปที่ย่านคนรวยกลางกรุงปารีส มีการเผาทำลายร้านค้า และรถยนต์ รวมถึงบุกเข้าไปขโมยของตามบ้านเรือนหลายแห่ง เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหนักเพราะมีกำลังคนน้อยกว่าผู้ประท้วง แต่ก็ยังสามารถจับตัวผู้กระทำผิดไปได้มากกว่า 400 คน ขณะที่มีคนได้รับบาดเจ็บราว 100 คน
ทั้งนี้ในส่วนของหน่วยดับเพลิงก็ต้องทำงานอย่างหนักไม่แพ้กัน เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมได้จุดไฟเผาสถานที่ต่าง ๆ รวมแล้วมากกว่า 250 จุด ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ถือเป็นความรุนแรงครั้งเลวร้ายที่สุดของกรุงปารีส ตั้งแต่ปี 1968
ด้านนายเอมมมนูเอล มาครง ประธานาธิบดี ได้สั่งการให้นายกรัฐมนตรีไปหาทางเจรจากับนักการเมืองฝ่ายค้าน รวมถึงเปิดการเจรจากับแกนนำผู้ประท้วง ส่วนตัวเขาเองจะเรียกประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรีในวันนี้ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ
รูปภาพ AFP