ตามติดชีวิต“คู่หูห่อหมกฮวก” ผู้สร้างสีสันจนสะท้านเวที “The Voice 2018”


โดย Kochaphan Suksujit

เผยแพร่




หลังโชว์ความสนุกสนานทั้งเสียงร้อง และ ดนตรี เพลงห่อหมกฮวก บนเวที “The Voice 2018” ของไปป์ กับ แดนนี่ ก็ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์และมียอดเข้าชมย้อนหลังในยูทูป เกือบ 20 ล้านวิว ทีมนิวมีเดีย พีพีทีวี ไม่รอช้าไปตามติดสืบเสาะที่มาที่ไปที่ทำให้ทั้งสองมาเจอกัน จนกลายเป็นคู่หูดูโอ้สร้างความสนุกสนานผ่านเสียงเพลงให้กับแฟน The Voice 2018

ทีมนิวมีเดีย พีพีทีวี ใช้ห้องเรียนดนตรีของโรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ห้องสอนประจำของ ไปป์ (ศุภเมธ เพชรอุดม) นั่งพูดคุยกัน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ขณะที่แดนนี่เดินตามมาสมทบ กล่าวคำทักทาย "สวัสดีครับ" พร้อมยกมือไหว้แบบไทยอย่างสวยงาม เมื่อบทสนทนาเริ่มต้นขึ้น เราก็ได้เห็นถึงมิตรภาพ การรวมกันเป็นทีม ความตั้งใจ ของทั้งสองคน ที่มีส่วนรับส่วนเสริมกันและกัน เพื่อฝึกทักษะทางดนตรีไว้ใช้ในการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น หลังผ่านเข้ารอบ Blind Audition บนเวที “The Voice 2018” ไปแล้ว

รู้ตัวไหมว่าตอนนี้ ดังแล้ว

ไปป์ : ถ้าไปแถวตลาด งานวัด คนทักเต็มเลยครับ แม่ค้าขอถ่ายรูป รวมถึงแม่ผมเป็นคนเดียวที่ไม่เคยบอกว่าผมร้องเพลงเพราะแต่ตอนนี้แม่ปั่นโซเชียลให้ตลอดเลยครับ (หัวเราะ)

มารวมตัวร้องเพลงด้วยกันได้อย่างไร

ไปป์ : ผมมาบรรจุที่ โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ วันแรกแดนนี่มาหาผมที่ห้องดนตรี อยากให้ผมสอนกีตาร์ ส่วนตัวผมไม่มีพรสวรรค์ด้านภาษาอังกฤษ ไม่กล้าพูดกับชาวต่างชาติ แดนนี่เป็นคนแรกที่ผมพูดด้วยคล่องเพราะเขาพูดภาษาไทย

แดนนี่ : ผมพูดภาษาอังกฤษก่อนแต่คุณพูดไม่ได้

ไปป์ : ก็เลยตกลงแลกกัน "เขาอยากเรียนกีต้าร์ผมเลยสอนให้ แล้วให้เขาสอนภาษาอังกฤษผม"

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เสน่ห์แรงเวอร์ คู่ดูโอ้ต่างเชื้อชาติ “แดนนี่-ไปป์” ครูหนุ่มสายฮา ลูกทีมโค้ชโจอี้ บอย ที่คนไทยต่างตกหลุมรัก

จุดที่ตัดสินใจพากันไปขึ้นเวที “The Voice 2018” สำหรับแดนนี่ คือ การก้าวผ่านความไม่มั่นใจในการร้องเพลงในภาษาที่ไม่ใช่ภาษาหลักของตัวเอง

แดนนี่ : ผมเห็นโฆษณา The Voice 2018 แล้วบอกกับตัวเองว่า มันถึงจุดที่ผมต้องสมัครแล้วในปีนี้ เพราะที่ผ่านมา “ผมไม่กล้า” ได้แต่ฝึกร้องเพลงคนเดียวดังๆ ที่บ้าน ก็มานั่งคิดว่าทำไมไม่เอาความสามารถของตัวเองตรงนี้ไปให้คนอื่นดูบ้าง เพราะผมคิดว่า “การร้องเพลงภาษาอื่นที่เราไม่ถนัด หรือ พูดไม่ได้ มันคือพรสวรรค์” ผมคิดแบบนั้น แล้วมั่นใจว่าครูไปป์เก่งเรื่องดนตรี ทั้งเรื่องเสียง เรื่องเครื่องดนตรี การทำเพลง ก็เลยมาปรึกษา ตอนแรกผมจะลงคนเดียว เลยร้องเพลงมาให้เขาดู แต่ผมเป็นคนยิ้มเก่ง และเพลงที่ร้องตอนแรกเป็นเพลงเศร้ามากแต่ผมร้องธรรมดา ไม่ใส่ฟิลลิ่ง ปรากฏว่าครูไปป์บอกไม่ผ่าน (หัวเราะ)  ผมก็คิดในใจนี่เพลงที่ผมถนัดที่สุดนะ ตั้งใจร้องให้มันเพราะที่สุดแล้ว

ไปป์ : เขายิ้มแบบยิ้มมีความสุขมากครับ แต่มันเป็นเพลงแบบเศร้าน้ำตาไหล (หัวเราะ) ก็เลยบอก ไอว่าไม่เหมาะกับยู เป็นเพลงเร็วดีกว่า เพราะถ้าจะร้องเพลงนี้ต้องเปลี่ยน Attitude ต่อเพลง ต้องใส่ความรู้สึกให้เศร้า

แดนนี่ : ก็ตอนนั้นอารมณ์ดี (หัวเราะ)

ไปป์ :   เวลาแดนนี่ร้องเพลงเศร้าผมตลกเขานะ

แดนนี่ : แต่ตอนนี้ได้นะ ให้ร้องเพลงเจ็บนิดเดียว ผมจะใส่อารมณ์ให้นะ

ขณะที่ไปป์ จากในตอนแรกที่ตั้งใจเป็นคนทำดนตรีให้แดนนี่ไปประกวด สุดท้ายกลายเป็น จับมือกันขึ้นเวทีสร้างความสนุกสนานจนชนะใจโค้ชโจอี้ กดปุ่มหันเก้าอี้มารับเป็นลูกทีม

แต่...เพลง “ห่อหมกฮวก” ยังไม่ใช่เพลงแรกที่ทั้งคู่เลือก

ไปป์ :   ตอนแรกเราใช้เพลงที่เคยร้องด้วยกันในงานโรงเรียน เคยซ้อมด้วยกัน และผมอยากให้มีแร็พภาษาอังกฤษ

แดนนี่ : ซึ่งตอนนั้นครูไปป์ถามผมว่าเราไปเป็น ดูโอ้ ดีกว่า

แล้ว “เพลงห่อหมกฮวก” มาได้ยังไง

ไปป์ : เป็นเพลงสุดท้ายที่เลือกทั้งที่ก่อนหน้านี้ซ้อมกันเป็นสิบๆ เพลง ซ้อมกันดีมากไปเสนอรายการ ซึ่งตอนนั้นห่อหมกฮวกร้องได้แต่ท่อนฮุค แต่ในที่สุดแดนนี่เขาเสนอเพลงนี้มา ผมยังลังเลว่ามันจะดีเหรอ (ยิ้ม) เพราะมันเป็นเพลงสนุกอย่างเดียว แต่พอลองร้องดู ใส่เสียงประสาน มันก็เพราะดีและสนุกด้วย

แดนนี่ไปรู้จัก “เพลงห่อหมกฮวก” ได้อย่างไร

แดนนี่ : ตอนนั้นเพลงกำลังฮิต ผมเคยอยู่อีสานมา (จ.ขอนแก่น) ชอบสไตล์อีสาน หมอลำ ผมชอบฟัง เพื่อนแนะนำเพลงให้ผม พอผมฟังก็เต้นตาม ชอบมาก ติดใจ เปิดทุกวัน เพราะจังหวะมันสนุก พอมาบอกครูไปป์ แล้วครูไปป์อธิบายความหมายของเพลงผมก็ยิ่งสนุก ยิ่งชอบ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : รู้ความหมายแล้วจะม่วนหลายๆ กับเพลง "ห่อหมกฮวกไปฝากป้า”

นอกจากนั้น แดนนี่  ยังเซอร์ไพร์สคนดูด้วย ท่อนแร็พภาษาอังกฤษสดๆ บนเวที The Voice 2018

ไปป์ : ปกติเวลาผมกับแดนนี่ร้องเพลงด้วยกัน เวลาช่วงที่กีต้าร์โซโล่ เขาจะแร็พภาษาอังกฤษสวนเข้ามาทันที ซึ่งผมไม่เข้าใจหรอกว่ามันแปลว่าอะไร แต่ผมก็เล่นไปไม่หยุด คิดว่ามันเป็นสไตล์ มันเท่ดี

แดนนี่ : เวลาผมฟังจังหวะเพลง มันมันส์ และคิดว่าท่อนนี้แร็พน่าจะเข้าได้ ก็เลยใส่

เคยมีความเห็นไม่ตรงกันบ้างไหม

ไปป์ : เลือกเพลงไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ แดนนี่จะฟังเหตุผล อะไรที่แดนนี่เสนอมาสุดท้ายผมเป็นคนตัดสินใจ อะไรที่ดีผมเอาไว้ แต่ที่มองว่ามันไม่ใช่ก็ไม่เอา แดนนี่ก็รับฟังความเห็นของผม ผมมีเหตุผลที่ไม่เลือกเขาก็รับฟัง เขาก็เข้าใจ

แล้วทั้งสองคนมีส่วนที่เติมเต็มกันและกันในทีมอย่างไร

ไปป์ : จริงๆ ผมเป็นคนนิ่งๆ เงียบ แดนนี่มาผมมีสีสันขึ้นกับเสียงของผม ปกติเสียงจะนุ่มๆ นิ่งๆ ฟังเรื่อยๆ แต่พอมีแดนนี่มามันเท่ขึ้น มันสนุกขึ้น

แดนนี่ : ครูไปป์มาช่วยในเรื่องการออกเสียง บางทีร้องอาจจะผิดคำบ้าง ไม่ชัดเท่าไหร่ เวลาเขาสอนผมมันจะชัด มันจะเพราะขึ้น เสียงเขา โคตรเพราะ

“โค้ชโจอี้” ได้แนะนำความรู้ดีๆ อะไรให้บ้าง

แดนนี่ : เขาแนะนำว่าสิ่งที่เราต้องมี ไม่ว่าจะร้องเพลงอะไรคือ Energy  เพราะเป็นเสน่ห์ของทั้งสองคน

ไปป์ :  ผมจะได้ยินคำนี้ทุกครั้งจากโค้ชโจอี้ก่อนร้องเพลงว่า.. (พูดพร้อมกัน) มี Energy ไหม (หัวเราะ)

ไปป์ : ตอนร้องบนเวทีใจมันเต้นตุ้บๆ แต่พอเป็นเพลงเร็ว มันได้โยก ได้เต้น มันหายตื่นเต้น

ด้วยความรักในเสียงดนตรีทั้งของคู่ ความฝันจึงไม่ได้หยุดแค่ “เวทีประกวด”

ไปป์ : ตอนนี้ก็ผมเป็นคนชอบแต่งเพลง แล้วก็เรียนดนตรีมา ทำเพลงเองได้ ก็มีเพลงที่เราแต่งด้วยกันและเคยอัพโหลดลงยูทูป แต่เป็นแนวอาร์แอนด์บี โซล

แดนนี่ : เพิ่งมาเริ่มทำเพลงสนุกๆ หลังจากร้องเพลงห่อหมกฮวก เพราะเข้ากับเรามากกว่า

ไปป์ : อีกสักพักใหญ่ๆ คงได้ปล่อยให้ฟัง

แต่...ทั้งคู่ขอโชว์ให้ แฟนๆ พีพีทีวี ได้ฟังกันก่อนใคร

สำหรับ แดนนี่ (Mr. Buma Derrick) เป็นชาวแคเมอรูนโดยกำเนิดหลังเรียนจบ ด้วยความที่ชื่นชอบภาษาและวัฒนธรรมแถบเอเชีย เขาตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยว แต่สุดท้าย ประเทศไทย คือ ประเทศที่เขาเลือกที่จะอยู่ถาวร จนถึงวันนี้ (2561) ก็ 3 ปีแล้ว ด้วยการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์

“ การใช้ชีวิตในประเทศไทยมันเยี่ยมดีมากครับ สบายมาก ผมพอใจเศรษฐกิจพอเพียงจากประเทศไทยด้วยครับ ผมมีความรู้สึกว่าผมชอบการใช้ชีวิตของคนไทย รักเมืองไทยจริงๆ และจะทำทุกวิธีให้เหมือนคนไทย”

ซึ่งนอกจากการหัดพูดภาษาไทยจนคล่อง ร้องเพลงภาษาไทยและภาษาท้องถิ่นอย่างภาษาอีสาน ทุกเย็นเขายังร่วมวงเตะตะกร้อกับเพื่อนครูด้วยกัน

ส่วน ไปป์ เขาคือเด็กผู้ชายจาก จ.เพชรบูรณ์ ที่ชอบและรักดนตรีมาตั้งแต่เด็ก และยอมขัดใจแม่เรียนต่อด้านดนตรี จากมหาวิทยาลัยนเรศวร แต่ยังมีความรักในการสอนจึงสอบบรรจุข้าราชครู

“แม่บอกว่า เรียนคณะอื่นก็เล่นดนตรีได้ แต่ความคิดผมในตอนนั้นถ้าหาจุดเด่นกับเพื่อนในห้อง ก็ตอบได้อย่างเดียวคือ ดนตรี ก็เลยตัดสินใจเรียนดนตรี แต่ก็บอกแม่ว่าอยากเป็นครูด้วย เพราะผมมีความสนุกกับการสอนนักเรียน ได้ถ่ายทอด พอเห็นนักเรียน ยิ้มมีความสุข เรามีความสุขไปด้วย เวลานักเรียนยิ้มหัวเราะเรามีความสุข”

ก่อนจบบทสนทนาวันนั้น ทั้งคู่ฝากติดตามความสนุกสนานของพวกเขาทางรายการ The Voice 2018 ทุกวันจันทร์ เวลา 20.15 น. และชมย้อนหลัง ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.15 น. ทาง PPTV HD ช่อง 36

รวมถึงผลงานเพลงอื่นๆ ของพวกเขาได้ที่เฟซบุ๊ก Pipe Holiday Trip และ เฟซบุ๊ก Danny Bankz

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ