นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เรื่องประเด็นการเชื่อมระบบใบสั่งกับตำรวจจราจรและเรื่องร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการควบรวมพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่าจะบังคับใช้กันในปีหน้านั้น หากขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ พร้อมออกประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้ว กว่าจะมีผลบังคับใช้จริงต้องเป็นปี 2563 หรือรอไปอีกหนึ่งปี เนื่องจากต้องมีเวลาของการเปลี่ยนถ่ายระบบต่างๆควบรวมเข้าสู่ถังข้อมูลเดียวกัน อาทิ ระบบใบขับขี่ ระบบทะเบียนรถ ไปจนถึงเรื่องการปรับใบอนุญาตรถเดิมเป็นต้น ดังนั้นเมื่อประกาศแล้วจะยังไม่มีผลในทันทีจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม
สำหรับความคืบหน้านั้นขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้พัฒนาระบบเชื่อมข้อมูลใบสั่งกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้เรียบร้อยแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างรอความพร้อมในการเชื่อมข้อมูล ขณะที่เรื่องของตัวพรบ.ฉบับใหม่นั้นขณะนี้อยู่ระห่างรอเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สตช.) พิจารณาการแปรญัตติเพื่อออกเป็นข้อบังคับต่อไป
อย่างไรก็ตามส่วนด้านกรณีรถป้ายแดงนั้นขณะนี้ยังสามารถใช้ได้อยู่ไปจนถึงปีที่จะบังคับใช้กฎหมายแต่ต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง และเมื่อกฎหมายบังคับใช้แล้วจะไม่มีรถป้ายแดงวิ่งบนท้องถนนอีกต่อไปเพราะกฎหมายใหม่จะยกเลิกเรื่องการนำมาใช้ขับขี่จะระบุให้ใช้ป้ายแดงเพื่อขายหรือซ่อมแซมเท่านั้น โดยผู้ที่ซื้อรถใหม่ต้องนำมาจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก(ขบ.)ทันทีเพื่อรับป้ายทะเบียนไปใช้
รายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางบกระบุว่า ประเด็นสำคัญของการควบรวมกฎหมายที่จะบังคับใช้ในปี 2563 ประกอบด้วย การเพิ่มโทษปรับใบขับขี่ การขยายความผิดไปยังผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ การควบรวมทุกประเภทบังคับใช้กฎหมายเดียวกัน รวมถึงการรวมระบบใบขับขี่เป็นมาตรฐานเดียวกันและการออกใบรับรองพิเศษแยกประเภทเพื่อใช้คู่กับใบขับขี่คล้ายโมเดลในประเทศยุโรป เช่น รถบรรทุกน้ำมันหรือรถสาธารณะ เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : กรมการขนส่ง ย้ำไม่จ่ายค่าปรับ เจออายัดทะเบียน เริ่มต้นปีหน้า!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ถึงเวลาเลิกพก “ขนส่งฯ” นำร่องใบขับขี่ดิจิทัล