เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.62) น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน วัย 18 ปี เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ได้หนีครอบครัวระหว่างที่เดินทางในคูเวต เนื่องจากถูกล่วงละเมิดทั้งร่างกาย และจิตใจ และถูกบังคับให้แต่งงาน โดยได้วีซ่าเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อขอลี้ภัยแล้ว และเกรงว่าจะถูกสังหารโดยครอบครัวของตนเอง ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลในสังคมซาอุดีฯ หากถูกเนรเทศกลับประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยได้กักตัวไว้ขณะที่แวะเปลี่ยนเครื่องบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ด้าน พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า น.ส.อัล-คูนุน ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยชั่วคราว และออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปกับเจ้าหน้าที่ของ สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees: UNHCR) แล้ว โดยไทยจะดูแลหญิงคนนี้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตอนนี้เธออยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ไม่มีใครหรือสถานทูตใดจะสามารถบังคับให้เธอไปที่ไหนได้ และว่าเขาจะไปแจ้งเรื่องการตัดสินใจของไทยต่อนักการทูตซาอุดีอาระเบีย ในวันนี้ (8 ม.ค.62) (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: “ยูเอ็นเอชซีอาร์” ขอเวลา 5-7 วัน พิจารณาสถานะผู้ลี้ภัยสาวซาอุฯ)
ทั้งนี้ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า น.ส.อัล-กูนุน ตัดสินใจที่จะขอมาพักอาศัยอยู่ในไทยระยะหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นเรื่องขอสถานะผู้ลี้ภัย และตัดสินใจว่าจะเดินทางต่อไปยังประเทศใด โดยจะสรุปภายใน 5 วัน ก่อนส่งตัวต่อไปโดยที่ไม่มีความผิดข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือโอเวอร์สเตย์ เนื่องจาก น.ส.อัลกูนุน ยังไม่ได้เข้ามาในประเทศไทย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ไทยยันไม่บังคับส่งตัวหญิงซาอุฯกลับประเทศ หวั่นได้รับอันตราย)
ขณะเดียวกัน ทางตำรวจจะคอยดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้ น.ส.อัล-กูนุน กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนให้กับทางสายการบินต่าง ๆ ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองผู้โดยสารมากกว่านี้อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ยูเอ็นเอชซีอาร์ จะพาตัว น.ส.อัล-กูนุน ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านนางเลิ้ง พร้อมจะพิจารณาสถานะผู้ลี้ภัยอีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- “บิ๊กป้อม”โต้ไม่เกี่ยวกับประเทศที่สาม เตรียมส่งกลับสาวซาอุฯ
- สถานทูตฯยืนยันไม่ได้ยึดหนังสือเดินทางสาวซาอุฯ