วันนี้ 14 ม.ค. 2562 เพจเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ข้อความระบุว่า จุดความร้อนจำนวนมากในประเทศกัมพูชา และ จุดความร้อนกระจายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ด้วยทิศทางของกระแสลม มีโอกาสทำให้กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ ประชาชนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมภายนอกอาคาร และควรสวมหน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งเมื่อออกนอกอาคาร และกลุ่มเสี่ยงควรดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด ( อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : กทม.-ปริมณฑล ค่าฝุ่นละอองระดับ สีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ )
ด้าน นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เรื่อง ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่คลุ้งปกคลุมใน กทม.ขณะนี้ ถ้าเน้นแต่ขอความร่วมมือแก้ไขอย่างเดียวเพื่อลดฝุ่นคงต้องรอถึงสงกรานต์คนกลับบ้านแล้วเท่านั้น
ในต่างประเทศหากฝุ่น 2.5 เกินค่ามาตรฐานที่ประเทศกำหนด (50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) เขาจะเริ่มใช้กฎหมายควบคุมแหล่งกำเนิด เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้างค่อนข้างมาก แต่ประเทศไทยกลับบิดเบือนใช้คำว่า “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ” เลยใช้แค่มาตรการประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและประชาชนเท่านั้น (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สั่งด่วน! นายกฯกำชับเร่งแก้ปัญหาค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน )
แต่ ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ.2560 สามารถกำนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญได้ดังนี้ ตาม มาตรา 28/1 เมื่อปรากฏว่ามีเหตุรำคาญเป็นบริเวณกว้างจนก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของสาธารณชน ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจประกาศกำหนดให้บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ โดยคำแนะนำของคณะกรรม การสาธารณสุขและประกาศในราชกิจจานุเบกษาการระงับเหตุรำคาญตามและการจัดการตามความจำเป็นเพื่อป้องกันมิให้มีเหตุรำคาญนั้นเกิดขึ้นอีกในอนาคต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศกำหนด
มาตรา 74 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 28/1 โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.กรมอนามัยเป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านสุขภาพของประชาชนและเป็นผู้ออกกฎหมายฉบับนี้ต้องตื่นตัวมากกว่านี้ ควรจะแจ้งหรือกระตุ้นให้ กทม. มีอำนาจไปจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศทุกแหล่งที่ปล่อยฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ของ กทม.ในช่วงเวลานี้ได้หรือไม่ และกรมควบคุมมลพิษควรทำหน้าที่ประสานความร่วมมือหรือเป็นพี่เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอจากนักกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมให้ใช้อำนาจตาม มาตรา 8 พ.ร.บ.การสาธารณสุข ที่บัญญัติว่า ในกรณีที่เกิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดํารง ชีพของประชาชนซึ่งจําเป็น ต้องมีการแก้ไขโดยเร่งด่วนให้อธิบดีกรมอนามัยมีอำนาจออกคำสั่งให้กระทำการแก้ไขหรือป้องกันความเสียหายได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- ผู้ว่าฯกทม. เรียกประชุมด่วนแก้ปัญหา ฝุ่นละออง PM2.5
- เตรียมทำ “ฝนเทียม” พรุ่งนี้ แก้ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐาน