วันนี้ (21 ม.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงหรือ ซูเปอร์ บลัด วูล์ฟ มูน (Super Blood Wolf Moon) ซึ่งผู้คนในแถบทวีปที่อยู่ในแนวคราสตั้งแต่อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ บางส่วนของฝั่งตะวันตกในยุโรป สหราชอาณาจักร แอฟริกาเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือของรัสเซีย ต่างได้ยลโฉมความสวยงามของพระจันทร์สีแดงอิฐ หรือ พระจันทร์สีเลือด ที่เกิดขึ้นครั้งแรกของปี 2019 โดยปราฏการณ์ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าเวลา 02.35 น. จนถึง 07:49 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช หรือเวลา 09.35 น. จนถึง 14.49 น. ตามเวลาประเทศไทย
สำหรับฝั่งประเทศไทยนั้น สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร. ระบุว่า จะไม่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ได้ เนื่องจากไม่อยู่ในแนวคราส จึงเห็นเป็นดวงจันทร์เต็มดวงตามปกติ
ทั้งนี้จันทรุปราคา จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อตอนดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ ตั้งเรียงตรงกันพอดี หรือใกล้เคียง ซึ่งจะสามารถรับชมได้แค่ในซีกโลกที่อยู่ฝั่งกลางคืนเท่านั้น โดยเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในวันที่ดวงจันทร์เต็มดวง ซึ่งปรากฏการณ์นี้ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ที่สะท้อนผิวของดวงจันทร์ มืด หรือจางลงในชั่วเวลาหนึ่ง ขณะที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าไปในเงาของโลก โดยทำให้เวลาสังเกตบนโลกจะเห็นดวงจันทร์เป็นสีค่อนข้างคล้ำออกแดง หรือน้ำตาล
ด้าน นักดาราศาสตร์โบราณของบาบิโลนได้ทำการศึกษาปรากฏการณ์จันทรุปราคา และสามารถคำนวณการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้ และยังมีการค้นพบรอบการเกิดของปรากฏการณ์จันทรุปราคา ที่เรียกกันในปัจจุบันว่าชุดการเกิดจันทรุปราคา หรือ ซารอส (Saros) จากบันทึกของชาวบาบิโลนทำให้สามารถคำนวณปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้ล่วงหน้า หรือย้อนกลับไปในอดีตได้ จนถึงบริเวณที่สามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์ได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ คนไทยในอดีตมีความเชื่อเกี่ยวกับดวงจันทร์ที่เกิดเป็นสีแดงคล้ำ ซึ่งแตกต่างกันไปตามความเชื่อของท้องถิ่น โดยมีบางส่วนถือว่าปรกฏการณ์ดังกล่างเป็นลางบอกเหตุที่ไม่ดี และจะต้องช่วยกันไล่ให้พระราหู (เงาของโลก) หรือกบนั้นคายดวงจันทร์ออกมา ด้วยวิธีการตีปีบ เคาะไม้ หรือทำเสียงดัง
ขอบคุณข้อมูล : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.)
รูปภาพ : AFP