เมื่อวันที่ (24 ม.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมารับคำพิพากษาของศาลฎีกา หลังถูกอัยการและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียงและหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อต้นปี 2555 ขณะทั้งสามคนร่วมกันดำเนินรายการ "สายล่อฟ้า" ผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องบลูสกาย กล่าวถึงพฤติกรรมทำให้คนอื่นเข้าใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ประพฤติผิดจริยธรรม
คดีนี้ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทำผิดตามฟ้อง พิพากษาคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท แต่รอลงอาญาไว้ 2 ปี ต่อมาโจทก์ยื่นฎีกาให้จำคุก จำเลยยื่นขอให้ยกฟ้อง และระหว่างการพิจารณา โจทก์ร่วมและจำเลยต่างไม่ติดใจ ได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา แต่ศาลฎีกาไม่อนุญาต เพราะทำคำพิพากษาเสร็จและส่งให้ศาลชั้นต้นแล้ว ศาลจึงอ่านคำพิพากษาทันที
โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานจากแผ่นดีวีดีอัดรายการและคำถอดเทปแล้ว มีคำเช่น "ปูเอาอยู่" ที่จำเลยอ้างว่าเป็นฉายาช่วงน้ำท่วมปี 2554 แต่เมื่อพิจารณาบริบทคำสนทนาแล้ว เป็นการสื่อความหมายไปในทางชู้สาวว่า วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าประชุมสภา แต่ไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ แม้โจทก์ร่วมจะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่วิธีการที่พูดในเชิงชู้สาวเป็นการกระทำโดยมิชอบ
แต่แม้การกระทำจะมิชอบ แต่โจทก์ร่วมคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงการไม่เข้าร่วมประชุมสภา ระบุเพียงว่าไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น เพื่อสอบถามแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หากไม่เป็นความลับ ก็ไม่น่าทำให้เกิดความระแวงสงสัยเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์ส่วนตัว การที่จำเลยเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชี้แจง จึงเป็นเจตนาดี เพื่อประโยชน์สาธารณะ พิพากษายืนให้รอลงอาญา ทำให้ทั้งสามคนยังคงมีคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร ส.ส.ได้ เพราะต้องคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีลหุโทษ