วันนี้ (2 ก.พ.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ถูกโชว์ขึ้นบนเวทีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 500 คน ของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมข้อความว่า “เป็นผู้นำที่เหมาะสมกับสถานการณ์” ในระหว่างที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค กล่าวแสดงความมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตอบรับเทียบเชิญ ที่อดีตรัฐมนตรีทั้ง 4 คน ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค เข้าไปเชิญให้ตอบรับมาอยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีช่วงเย็นเมื่อวานนี้ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวว่า ยังมีเวลาตัดสินใจถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ก็ตาม
โดยส่วนประเด็นที่ว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ตกลงอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี และพรรคอื่นมองว่าพรรคพลังประชารัฐได้เปรียบ เพราะมี ส.ว.250 คน ที่พล.อ.ประยุทธ์ คัดเลือกมา สามารถร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีได้ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านประชามติจากประชาชนมาแล้ว และประชาชนยังเห็นชอบคำถามพ่วง ให้ ส.ว.ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีได้ จึงขอให้เลิกโจมตีสิ่งที่เป็นมติของประชาชน นายสนธิรัตน์ ยังระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศเพราะเกิดความไม่สงบในขณะนั้น จึงต้องตัดสินใจทำรัฐประหาร ดังนั้นพรรคการเมืองอื่นไม่ควรใช้วาทกรรมว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่อยู่ฝั่งเผด็จการ และพรรคของตนเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
ทั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ก็กล่าวอ้างอิงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุว่า หากใครสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่บรรยากาศเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 350 เขตทั่วประเทศ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ คึกคักอย่างมาก เพราะมีสมาชิกพรรคกว่า 2,000 คน และแกนนำคนสำคัญเข้าร่วมครบ โดยนายอุตตม เปิด 4 นโยบายหลัก คือ นโยบายต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมผู้ที่มีรายได้น้อยที่ตกหล่น, พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี, ดูแลราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ เช่น เพิ่มค่าชดเชยค่าเกี่ยวข้าวจากเดิม ทั้งค่าชะลอการขายข้าวหรือค่าเก็บและค่าเกี่ยว อยู่ที่ไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 12 ไร่ เพิ่มเป็นค่าเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท และเพิ่มจำนวนไร่เป็นไม่เกิน 20 ไร่เปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 เป็น ส.ป.ก.4.0 โอนสิทธิ์ให้บุคคลอื่น ที่มีคุณสมบัติตามที่ ส.ป.ก.กำหนดได้เข้าทำประโยชน์แทนได้ โดยได้รับค่าสิทธิ์เดิมจากการโอนสิทธิในที่ดินนั้น
สำหรับการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ที่จะเริ่มวันแรก 4 กุมภาพันธ์นี้ หัวหน้าพรรคและแกนนำแต่ละพรรคที่หวังปักธงในกรุงเทพมหานคร เตรียมที่จะนำทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เดินทางไปสมัคร ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย - ญี่ปุ่น ดินแดง ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่ 4 กุภาพันธ์ โดยพรรคที่ยืนยันแล้วว่าจะไปวันแรก มีทั้งพรรคเพื่อไทย ที่นำโดยนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ซึ่งส่งผู้สมัครกรุงเทพมหานคร 22 เขต จาก 30 เขต, พรรคประชาธิปัตย์ จะนำทีมโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่งลงกรุงเทพมหานคร ครบทั้ง 30 เขต, พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีระกูล นำทีม ผู้สมัครกรุงเทพมหานครไปเช่นกัน, พรรคพลังประชารัฐ จะนำโดยนายอุตม สาวนายน ไปที่จุดรับสมัครกรุงเทพมหานครเช่นกัน โดยส่งทั้ง 30 เขต, พรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคจะนำทีมมาสมัครในกรุงเทพมหานคร, ส่วนนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ไปที่ จังหวัดนครราชสีมา, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็จะนำผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคอนาคตใหม่ มาสมัครในวันแรกเช่นเดียวกัน, เช่นเดียวกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่จะไปเปิดตัว ที่สนามกรุงเทพมหานคร และส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค มีกำหนดพาผู้สมัคร ไปสมัครวันแรก ที่สนามเลือกตั้ง จ.สุพรรณบุรี
นอกจากนี้ส่วน การไปสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และยื่นบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรี ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง วันที่ 4 กุมภาพันธ์ จะมี พรรคเพื่อชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรครวมพลังประชาชาติไทย วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พรรคเพื่อไทย ไปสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมยื่นบัญชีนายกรัฐมนตรี ครบ 3 ชื่อ คือ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ นายชัยเกษม นิติสิริ และมีพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เสนอชื่อ กัญจนา ศิลปอาชา ในบัญชีนายกรัฐมนตรี รวมทั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่จะเสนอชื่อ นายธนาธร วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน จะไปสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมเสนอชื่อ นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พรรคประชาชนปฏิรูป นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน จะไปสมัคร แต่จะไม่้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เพราะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีกำหนดวันไปสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะยังรอคำตอบรับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะรับเข้าเป็นบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคหรือไม่
