เมื่อวันที่ (5 ก.พ. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัวนางสาววิราวรรณ เกษเกษี อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย นำข้อมูลร้องเรียนกับสื่อมวลชน เป็นข้อความแชทไลน์พูดคุยระหว่างเพื่อนกับลูกสาวที่ตั้งครรภ์ 6 เดือนไปเข้ารับบริการร้านนวดเท้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ มีการส่งภาพถ่ายร้าน และข้อมูลสถานที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ก่อนนางสาววิราวรรณขาดการติดต่อไป
เนื่องจากเกิดอาการช็อกและชักคาเตียงนวดจนหมดสติ นายบุญมี เกษเกษี ผู้เป็นพ่อ เล่าว่าได้รับแจ้งข้อมูลจากเพื่อนลูกสาว ว่าไปนวดเท้าอยู่ เกิดอาการชักเกร็งและหมดสติคาเตียง ระหว่างนั้นมีพยาบาลที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปช่วยเหลือเพราะมีอาการหยุดหายใจ เบื้องต้นแพทย์พบว่านางสาววิราวรรณ ยังมีอาการโคม่า และได้แท้งลูกในท้อง เนื่องจากมีอาการลิ่มเลือดไปอุดตันที่ปอดและสมองจึงทำให้เกิดอาการช็อก
ทางครอบครัวระบุว่าต้องการให้คู่กรณีคือพนักงานและร้านนวดแสดงความรับผิดชอบ และ อยากเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับร้านนวดด้วย เพราะตั้งแต่ลูกสาวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 มกราคม แต่ผ่านมาแล้วกว่า 25 วัน ยังไม่มีการออกมาแสดงความรับผิดชอบ และเมื่อสอบถามว่าใครเป็นคนนวดให้ลูกสาวในวันเกิดเหตุก็ไม่ได้รับความร่วมมือใดๆ
ที่ผ่านมา นางสาววิราวรรณ ชื่นชอบการนวดแผนไทยและมักไปใช้บริการอยู่เป็นประจำ ปกติเป็นคนแข็งแรง ชอบออกกำลังกายและไม่มีโรคประจำตัว หลังเกิดเหตุครอบครัวได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับพนักงานนวด และร้านนวด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พูดคุยเจรจากับร้านนวดได้รับการบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง ขณะที่ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ รับทราบเรื่องและเตรียมเร่งรัดพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย เพื่อสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและพยานแวดล้อมแล้ว
นายแพทย์ มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ระบุว่า การนวดในหญิงตั้งครรภ์มีการดำเนินการโดยแพทย์แผนไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาอยู่แล้ว อย่างการนวดกล่มท้อง ซึ่งเป็นการนวดเพื่อให้เด็กอยู่ในท่าที่เหมาะสมช่วงใกล้คลอด แต่จะไม่นวดช่วงตั้งครรภ์แรกๆ อย่าง 3 เดือน ซึ่งการนวดคนท้องต้องเป็นแพทย์แผนไทยที่เชี่ยวชาญจริงๆ ส่วนกรณีนี้ต้องไปดูในรายละเอียดว่า ผู้นวดเป็นแพทย์แผนไทยหรือไม่ และสาเหตุที่ทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ เป็นเพราะการนวด หรือมีสาเหตุอื่น คงต้องขอดูรายละเอียด แต่หากเป็นแพทย์แผนไทยจริงๆจะมีหลักเกณฑ์ และหากผู้ถูกนวดมีความเสี่ยงก็จะไม่มีการนวดให้อยู่แล้ว
