เมื่อวันที่ (14 ก.พ. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานคณะกรรมการค่าจ้าง กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง พิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2562 ว่า คณะกรรมการไตรภาคีเข้าประชุมครบทุกฝ่าย และอนุกรรม การค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด ได้ส่งตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละจังหวัดเข้ามาครบแล้ว มีเสนอปรับขึ้นบ้าง แต่ไม่มาก กำลังตรวจสอบว่าตัวเลขตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่ มติที่ประชุมแต่ละจังหวัดเป็นอย่างไร เพราะมติที่ประชุมอาจเห็นว่าน่าจะให้ขึ้นแค่ 1-2 บาท หรือ 5 บาท แต่ตัวเลขตามสูตรการคำนวณอาจจะไม่ตรงกัน ก็ต้องเอา 2 ตัวเลข มาดูอีกรอบ อัตราที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าใด ส่งให้อนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาตรวจสอบ เพื่อความรอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แล้วจึงเอาข้อสรุปเข้าที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง
การพิจารณายังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้ายว่า จะปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำออกมาเป็นเท่าใด กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยมีปัจจัยการพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ เช่น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง ที่ลูกจ้างได้รับในปัจจุบัน ดัชนีชี้วัดค่าครองชีพ อัตราค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อ มาตรฐานค่าเฉลี่ยค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิตราคาสินค้าและบริการ ความสามารถในการประกอบธุรกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การพิจารณาของอนุกรรมการค่าจ้างฯ น่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะการปรับค่าจ้างในปี 2561 มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 61 ถึง 30 มีนาคม 2562 อัตราค่าจ้างใหม่ปี 2562 จึงต้องทำให้เสร็จก่อน 30 มีนาคม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ 1 เมษายนนี้
ส่วนกรณีที่ผู้นำแรงงานเรียกร้องให้ปรับขึ้นในอัตราเดียวกันทั่วประเทศ โดยจะให้ปรับ 360 บาท เป็นเพียงพูดกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่จะปรับเท่าไร จะต้องดูข้อเท็จจริงด้วยว่าเป็นอย่างไร ลูกจ้าง และนายจ้าง จะต้องอยู่ได้ทั้งสองฝ่าย ซึ่งโดยภาพรวมถือว่าปัจจุบันเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ไม่กระจาย คนในระดับล่างไม่มีเงินในมือ เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ และเมื่อมีการปรับขึ้นค่าจ้าง กระทรวงพาณิชย์ ก็ต้องไปกำกับดูแล ไม่ให้สินค้าขึ้นราคา
ทั้งนี้ การปรับค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2561 ที่ผ่านมา มีการแบ่งเป็น 7 กลุ่มจังหวัด โดยปรับขึ้นอัตราสูงสุด 330 บาท 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง ปรับ 325 บาท 7 จังหวัด, ปรับขึ้น 320 บาท 14 จังหวัด ,ปรับขึ้น 318 บาท 7 จังหวัด, 315 บาท 21 จังหวัด, 310 บาท 22 จังหวัด, โดยมี 3 จังหวัด ที่ได้ปรับน้อยที่สุด 308 บาท คือ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี