ใน “สุพรรณบุรี” ไม่ได้มีเพียง “ศิลปอาชา” หากแต่มีทั้ง “เที่ยงธรรม” ที่มี “จองชัย เที่ยงธรรม” เป็นต้นทาง และ ยังมี “โพธสุธน” เป็นต้นสาย เอาเข้าจริงทั้งคู่ถือเป็นขุนพลคู่บารมีของ “บรรหาร”
ทั้ง “จองชัย” และ “ประภัตร” ต่างดีกรีไม่ธรรมดา
“จองชัย” เจ้าของสโลแกน “คิดอะไรไม่ออกบอกจองชัย” เป็นอดีตส.ส. 9 สมัย เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปัจจุบันอายุ 75 ปี
ส่วน “ประภัตร” ก็เป็นอดีตส.ส. 12 สมัย เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ปัจจุบัน อายุ 69 ปี
ดีกรีพอฟัดพอเหวี่ยง ไม่ต้องพูดถึงฐานเสียงที่แน่นปั้กกันทั้งคู่
ความขัดแย้งเริ่มจาก เขต 4 สุพรรณบุรี ที่ ทั้งสองคนต่างต้องการส่ง “ลูก – หลาน” ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดย “จองชัย” จะส่ง “เสมอกัน เที่ยงธรรม” บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน ขณะที่ “ประภัตร” ที่ระยะหลัง มีความสนิทชิดเชื้อกับสายอำนาจ จะส่งหลานชาย “ยุทธนา โพธสุธน” ลงแข่งในเสื้อ “พลังประชารัฐ” ทำให้เกิดความแคลงใจใน “เลือดแท้” ของชาติไทยพัฒนา
ย้อนกลับไปเวลาไล่เรี่ยกัน เริ่มมีเสียงในขณะนั้นว่า มีผู้ที่ไม่พอใจการทำงานของ “ลูกท็อป – วราวุธ ศิลปอาชา” ที่ตอนนั้นยังเป็น “ว่าที่หัวหน้าพรรค” ท่ามกลางมรสุมทางการเมืองและข่าวลือที่ว่า “ใครบางคน” ต้องการความมั่นใจในการมีอยู่ของพรรคชาติไทยพัฒนา
สุดท้ายจึงมีการเปลี่ยนหัวเรือเป็น “กัญจนา ศิลปอาชา” และมี “ประภัตร โพธสุธน” เข้ามาเป็นพ่อบ้าน ท่ามกลางข้อครหาสายตรงจากผู้มีอำนาจ
ครั้งนั้นทำให้ขุนพลคู่ใจ “บรรหาร” ตบเท้าหนีออกจากพรรคพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็น “เที่ยงธรรม” หรือ “ปริศนานันทกุล” ที่ออกไปร่วมชายคา “ภูมิใจไทย” ซึ่งแม้จะมีการเคลียร์ใจแต่สุดท้ายก็ดูเหมือนอะไรๆจะสายเกินไป
สุดท้าย การสมัครในเขต 4 ก็ไม่ปรากฏชื่อ “ยุทธนา โพธสุธน” จากพรรคพลังประชารัฐ และมีชื่อ “เสมอกัน เที่ยงธรรม” ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา
แต่ในเขต 3 กลับเป็นการชนกันของ “สองบิ๊ก” แห่งเมือง “สุพรรณ” “ประภัตร – จองชัย” ที่ต้องดูว่างานนี้ใครจะเข้าวิน และหลังเสร็จศึก สถานการณ์ของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร
หากวัดกำลังแล้ว งานนี้ “ช้างสาร” ชนกันชัดๆ