พรรคไทยรักษาชาติ เตรียมกลับมาปราศรัยใหญ่หาเสียงเลือกตั้ง หลังประกาศยุติไปก่อนหน้านี้ โดยนายณัวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และแกนนำให้เหตุผลว่า การเดินพบประชาชน ทำให้การสื่อสารนโยบายไม่ทั่วถึง และคดียุบพรรคอยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว พร้อมอ้างว่าพรรพลังประชารัฐเตรียมให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีปราศัยช่วงโค้งสุดท้ายของหาเสียงโกยคะแนนความนิยม
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดระหว่างแถลงข่าว เตรียมให้แกนนำออกมาหาเสียงให้ผู้สมัครและตั้งเวทีปราศัยใหญ่ พร้อมระบุว่า สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐทำมาตั้งแต่ต้น จนถึงวันนี้ ได้เปรียบพรรคอื่นอยู่แล้ว จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาขึ้นเวทีปราศรัยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ และต่อสู้ทางการเมืองกันอย่างเปิดเผย
ส่วนการกลับมาปราศัยใหญ่นั้น นายณัฐวุฒิ ให้เหตุผลว่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต เรียกร้องให้มาช่วยหาเสียง เพราะการเดินพบประชาชนที่ทำอยู่ สื่อสารนโยบายพรรคได้ไม่มาก จำเป็นต้องมีเวทีปราศัยใหญ่ และสาเหตุที่ต้องประกาศยุติการปราศรัยก่อนหน้านี้ เพราะเกรงว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อน แต่ขณะนี้คดียุบพรรค มีวันพิจารณาที่ชัดเจนแล้ว จึงไม่กังวล และทุกเวทีปราศัยจะไม่พูดถึงคดี เพราะกรรมการบริหารพรรคและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่ และการปราศัยใหญ่ยังไม่มีกำหนดการว่ากรรมการบริหารพรรค จะร่วมขึ้นเวทีด้วยหรือไม่
สำหรับการปราศัยใหญ่ของพรรคไทยรักษาติ จะเริ่มในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ – 18 มีนาคม 25 ก.พ. จัดเวทีปราศัยใหญ่ที่ จ.ชัยนาท 26 ก.พ.นครปฐม 28 ก.พ. อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 1 มี.ค. ที่ ลานคนเมือง กทม. และเว้นหาเสียงในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันพิจารณาคดียุบพรรค และวันที่ 17 มีนาคม วันเลือกตั้งล่วงหน้า
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้กำลังรอคำตอบจาก กกต.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคว่าจะทำได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เปิดเผยว่า ยังรอการพิจารณาของ กกต.อยู่ และพรรคพจะทำตามกรอบของ กกต. ไม่ว่าผลพิจารณาจะเป็นอย่างไร
ขณะที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ ยังไม่ทราบรายละเอียดในหนังสือของพรรคพลังประชารัฐ แต่ตามกรอบ กกต.จะพิจารณาภายใน 30 วัน ซึ่งต้องดูอย่างละเอียดในกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องละเอียดรอบคอบ
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคภาคเหนือ เดินทางไปช่วยผู้สมัค ส.ส.สุโขทัย หาเสียงใน 3 เขตเลือกตั้ง โดยที่ อ.ศรีสัชนาลัย เขตเลือกตั้งที่ 3 นายอภิสิทธิ์เน้นย้ำนโยบายหลักๆ ทั้ประกันราคาพืชผลการเกษตร ที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า จะไม่สร้างภาระให้ประเทศ อาจไม่หวือหวาเหมือนบางพรรค สวัสดิการผู้สูงอายุ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะเพิ่มความคล่องตัวในการใช้จ่ายสำหรับผู้มีบัตร และขณะที่พูดถึงสวัสดิการสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึง 8 ขวบ นายอภิสิทธิ์ได้พูดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐและความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนนี้เคยระบุว่าจะเอาเงินมาจากไหน และ 5-4 ปีที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ หรือเพิ่งมาคิดได้
ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ยังคงชูนโยบายหลักของพรรคคือการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ที่ใช้เป็นกลยุทธ์หาเสียง ที่ใช้รัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา มาเป็นโมเดล มีโครงสร้างปลูกกัญชเพื่อวิจัย เพื่อใช้รักษาทางการแพทย์ และปลูกในครัวเรือนจำกัดบ้านหลังไม่เกิน 6 ต้น ซึ่งนายศักดิ์สยาม ยืนยันว่า นโยบายนี้ไม่เอื้อกลุ่มทุนใหญ่ เพราะรัฐจะเป็นผู้จัดหาพันธุ์ โดยเชื่อว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศได้ เพราะหลังปลดล็อก สามารถทำรายได้เข้ารัฐแคลิฟอร์เนียถึงสามเเสนสามพันล้านบาทต่อปี
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เผยแพร่เอกสาร ระบุว่า กัญชายังคงเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย ผ่อนปรนเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้เท่านั้น ส่วนกรณีนิติบุคคล ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายไทยและกรรมการ 2 ใน 3 ต้องมีสัญชาติไทย รวมทั้งต้องมีสำนักงานที่ตั้งในประเทศไทยด้วย และย้ำว่า ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไม่ว่าจะเป็น กัญชา หรือพืชกระท่อม ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522