โฆษกกองทัพปากีสถาน ทวีตข้อความ ระบุว่า กองทัพได้ยิงเครื่องบินรบอินเดียที่รุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าตก 2 ลำ โดยลำแรกตกในแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย ส่งผลให้นักบินเสียชีวิต 2 นาย และมีพลเรือนเสียชีวิตอีก 1 คน เสียชีวิต ส่วนอีกลำตกในดินแดนปากีสถาน และนักบินคนหนึ่งถูกทหารควบคุมตัวไว้ได้
ด้านรัฐบาลอินเดีย ยังไม่ได้ออกมายืนยันว่าเครื่องบินที่ตกในแคว้นแคชเมียร์วันนี้ ถูกทางการปากีสถานยิงตกหรือไม่ แต่ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ก็มีเครื่องบินปากีสถาน 3 ลำ รุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าอินเดีย ซึ่งทางการได้สกัดและบังคับให้กลับไป โดยมี 1 ลำที่ถูกยิงตก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเมื่อวานนี้ อินเดียแถลงว่าได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในดินแดนปากีสถานเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี โดยอินเดียอ้างว่า ผลจากการโจมตีทำให้สมาชิกกลุ่มติดอาวุธ เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
แต่ทางการปากีสถานออกมาแย้งว่า ปฏิบัติการล้มเหลว พื้นที่ที่ถูกโจมตีเป็นพื้นที่ว่างเปล่า จึงไม่สร้างความเสียหายใดๆ และไม่มีผู้เสียชีวิตตามที่อินเดียกล่าวอ้าง พร้อมกับประกาศว่าจะตอบโต้อย่างแน่นอน
สำหรับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถาน ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในแคว้นแคชเมียร์ เมื่อกลางเดือนก่อน ส่งผลให้ทหารอินเดียเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 40 นาย ซึ่งอินเดียเชื่อว่า เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอยู่ในดินแดนของปากีสถาน และหน่วยงานความมั่นคงของปากีสถานเองก็น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย แต่ทางปากีสถานเองก็ยืนกรานปฏิเสธ
โดยมีรายงานว่า ทั้งอินเดียและปากีสถาน ต่างออกมาตรการจำกัดการใช้น่านฟ้า และสั่งยกเลิกเที่ยวบินเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับเที่ยวบินระหว่างประเทศของสายการบินต่างๆ ที่พากันเลี่ยงน่านฟ้าในบริเวณพิพาทของทั้งสองประเทศเช่นกัน ขณะที่นานาประเทศ เริ่มออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้น หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตึงเครียดรุนแรง
ล่าสุด ประกาศเเจ้งเตือนคนไทย ตามที่ปรากฎตามสื่อต่าง ๆ ในปากีสถานรายงานข่าวเหตุการณ์การโจมตีบริเวณเส้นแบ่งเขตหยุดยิง (Line of Control – LOC) ในแคว้น Azad Jammu and Kashmir และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด ขอให้แจ้งเตือนคนไทยที่อยู่อาศัยอยู่ในปากีสถานและนักท่องเที่ยวที่มีกำหนดเดินทางมาท่องเที่ยวปากีสถานหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมือง Azad Jammu and Kashmir และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เช่น Mansehra Balakot Naran-Kaghan Rawoakot และบริเวณพื้นที่ใกล้เส้นแบ่งเขตการหยุดยิง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงได้
