ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานปลูกกัญชา “โครงการผลิตสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม ระยะที่ 1” นับเป็นต้นแรกของอาเซียนที่ถูกกฎหมาย
โดยการปลูกครั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมดำเนินการปลูกกัญชา 3 สายพันธุ์ คือ 1 .สายพันธ์ที่มีสาร THC สูง 2.สายพันธ์ที่มีสาร CBD สูง และ 3.สายพันธ์ที่มีสาร THC และ CBD 1:1
ซึ่งประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชา เพื่อใช้ทางการแพทย์นั้น "สาร THC คือสารที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท แก้ปวด ต้านอาเจียน และลดการอักเสบ ส่วนสาร CBD จะระงับอาการวิตกกังวลและมีฤทธิ์ต้านการชัก"
โดยจะนำมาใช้ในทางการแพทย์และการวิจัยในกลุ่มที่ใช้เพื่อการรักษาโรค ได้แก่ ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด โรคลมชักรักษายากในเด็กและโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง อาการปวดประสาทที่รักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ได้ผล
กลุ่มที่น่าจะใช้เพื่อควบคุมอาการ ได้แก่ โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคปลอกประสาทอักเสบ โรควิตกกังวล ผู้ป่วยที่ดูแลแบบประคับประคอง ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
ปลูกแล้ว!!! กัญชารักษาโรคต้นแรกในอาเซียน
สำหรับการปลูกเพื่อผลิตยาล็อตแรก 2,500 ขวดครั้งนี้ มาจากจำนวนต้นกัญชา 140 ต้น จากที่นำเข้าพันธุ์จากฝรั่งเศสมา 300 ต้น โดยคาดว่าเดือนกรกฎาคม 2562 จะได้ผลิตภัณฑ์ยาจากกัญชาล็อตแรก เพื่อนำไปใช้ทดลองทางคลินิกในผู้ป่วยที่ร่วมโครงการวิจัยได้
นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัช บอกว่า การปลูกเพื่อให้ได้กัญชาใน “ระดับเกรดสำหรับใช้ทางการแพทย์” (Medical Grade) ต้องมีการควบคุมการเพาะปลูกให้เป็นไปตามมาตรฐานทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ เทคโนโลยีการปลูก การเก็บเกี่ยวเป็นวัตถุดิบกัญชาแห้ง การรักษาความปลอดภัย ซึ่งสามารถปลูกได้หลายวิธี
ประกาศ! นิรโทษกรรมผู้ครอบครอง “กัญชา”
เบื้องต้น องค์การเภสัชกรรมจะใช้การปลูกในอาคาร (Indoor) ด้วยเทคโนโลยีระบบรากลอย (Aeroponics) ซึ่งเป็นระบบหนึ่งในระบบการปลูกกัญชาเกรดมาตรฐานทางการแพทย์ เพราะระบบนี้จะทำให้สามารถควบคุมสารอาหารให้เป็นไปตามมาตรฐานและได้ปริมาณสารสำคัญตามสัดส่วน ปริมาณ THC และ CBD ที่เหมาะสม ไม่มีการปนเปื้อน โลหะหนักและยาปราบศัตรูพืช ต่างจากการปลูกกัญชาบนดินทั่วๆไป เพราะธรรมชาติของกัญชาจะมีคุณสมบัติพิเศษที่ดูดซึมสารพิษเหล่านั้นได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น
จึงเชื่อมั่นได้ว่า “การปลูกด้วยระบบนี้จะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและเหมาะสมกับผู้บริโภค ตลอดจนมีมาตรการควบคุมความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย”