มาเริ่มที่นโยบาย "พรรคประชาธิปัตย์" ที่เสนอประกันรายได้แรงงานไม่ต่ำกว่า 120,000 ต่อปี ซึ่งถ้าคำนวณรายได้จากค่าแรงขั้นต่ำต่อเดือนแล้วไม่ถึงที่กำหนด รัฐบาลก็จะจ่ายเงินส่วนต่างให้
พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายที่จะพัฒนาทักษะและคุณภาพแรงงานเพื่อให้สอดรับการค่าแรงขั้นต่ำที่ควรจะอยู่ที่ 400 บาทต่อวัน พร้อมยังมีนโยบายลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา 10% เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ,พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ปลอดภาษี 2 ปี เพื่อให้ตั้งตัวได้เร็ว เช่นเดียวกับเด็กจบใหม่ ที่จะลดภาษี 5 ปี เพื่อตั้งตัวและมีรายได้เร็วขึ้น ซึ่งเรื่องภาษีจะปรับทั้งระบบโดยรวม เพื่อไม่ให้กระทบรายได้จากการจัดเก็บภาษีของประเทศ หรือพูดง่ายๆคือเอานโยบายด้านภาษีมาเพิ่มรายได้และกำลังซื้อ
พรรคประชานิยม เสนอที่จะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 360 บาททั่วประเทศ และให้นายจ้างส่งเงินประกันสังคมให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งจะทำให้ลูกจ้างไม่ต้องจ่ายเงินประกันสังคมสูงสุด 9,000 บาทต่อปี
พรรคเพื่อไทย นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ จะยังไม่มีการปรับเพิ่ม แต่อาจจะปรับเพิ่มตามมติคณะกรรมการค่าแรงขั้นต่ำ แต่ถ้าแรงงานมีประสิทธิภาพดีพอ ควรขึ้นค่าแรงตามความเป็นจริง
พรรคอนาคตใหม่ ก็จะให้ความสำคัญเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ แต่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มสูงมาก หากมีการสร้างสมดุลสวัสดิการที่รัฐมอบให้ประชาชนเป็นอย่างดี พร้อมเสนอให้รับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ฉบับที่ 87 และ 98 อนุสัญญาระหว่างประเทศที่รับรองสิทธิคนงานในการตั้งสหภาพแรงงาน และคุ้มครองคนงานทุกคน ทุกเชื้อชาติ ถือว่าเรื่องใหญ่กว่าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้มีอำนาจต่อรองกับนายจ้างมากขึ้น โดยไม่ถูกเลิกจ้างหรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
ขณะที่นโยบาย พรรคไทยรักษาชาติ จะเน้นที่การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสด้วยเทคโนโลยี
ประชันนโยบาย “สวัสดิการสังคม” ศึกเลือกตั้ง62