หากจะพูดถึง รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี เชื่อว่าหลายคนคงไม่มีใครไม่รู้จัก “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” และหากจะพูดถึงประวัติความเป็นมาของนายชัชชาติ ก็เรียกว่าไม่ธรรมดา เช่นกัน เพราะนายชัชชาติ เป็นบุตรของอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
“ชัชชาติ” จบการศึกษาระดับมัธยม จากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโครงสร้าง จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ประจำปี พ.ศ. 2530
นอกจากครอบครัวที่ไม่ธรรมดา การศึกษาที่สูงลิ่ว ด้านการทำงาน “ชัชชาติ” ทำมาแล้วทั้งบริษัทเอกชนและเคยเป็นนักวิชาการมาก่อน โดยตำแหน่งทางวิชาการเป็นถึงรองศาสตราจารย์และเคยเป็นถึงผู้ช่วยอธิการบดี
นอกจากนี้ยังเคยอยู่ในรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่ง อาทิ บริษัทขนส่ง จำกัด การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยและเป็นกรรมการอิสระ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
จนได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานและให้คำปรึกษาแก่กระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 และรัฐบาลสมัคร แต่ก็ไม่มีมีตำแหน่งใดๆ
กระทั่งปี 2555 เขาได้รับการทาบทามทางโทรศัพท์ จากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แม้ทางมารดาจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ตกลงเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555
จากการที่เขาเข้ามารับงานทางการเมืองเป็นครั้งแรก ทำให้ในช่วงแรกในตำแหน่งรัฐมนตรี เขากลายเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่รู้จักมากที่สุดและจากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งต่อมา เขาก็ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555
และในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 นายชัชชาติเป็นหนึ่งในตัวแทนฝ่ายรัฐบาลที่เข้าร่วมประชุมกับบรรดาแกนนำและตัวแทนฝ่ายต่าง ๆ เพื่อหาทางออกประเทศ และก็เกิดรัฐประหาร
จากนั้นนายชัชชาติก็ได้กลับไปเป็นกรรมการอิสระบมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จนกระทั่งได้รับการประสานงานกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกครั้ง ให้มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
“ชัชชาติ” ได้รับฉายา “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” สืบเนื่องจากร่างกายที่ดูแข็งแรงจากการหมั่นออกกำลัง และใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถเมล์ หรือเดินถอดรองเท้าใส่บาตร ขณะเดียวกันภาพลักษณ์ของเขาเมื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนามก็เป็นภาพลักษณ์ ของผู้ตั้งใจทำงาน และไม่เน้นเรื่องการเมือง
อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งครั้งนี้แม้เขาจะมีรายชื่อเป็นหนึ่งในคนที่พรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คาดหมายว่า เมื่อถึงเวลาเขาอาจไม่ใช่ตัวจริง และการเสนอตัวเขาในครั้งนี้เป็นเพียงการเรียกคะแนนความนิยม เพราะเส้นทางของเขาอาจวางไว้ที่การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ที่แน่ๆเขาเป็นหนึ่งในมันสมองของพรรคเพื่อไทยที่ขาดเสียไม่ได้
ทั้งนี้ผู้ชมสามารถติดตามการประชันวิสัยทัศน์ ผ่าสนามเลือกตั้ง ดีเบตโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ ได้ในวันที่ 6 มีนาคม 2562 เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป