จากการศึกษาภาพถ่ายของเขต”กรีนแลนด์” นักวิทยาศาสตร์พบว่า พื้นที่แถบนั้นมีฝนตกลงมาถี่ขึ้น ทั้งที่ตามปกติแล้วในช่วงฤดูหนาวจะมีหิมะตกลงมาปกคลุม ทำให้แผ่นน้ำแข็งในแถบนั้นไม่ละลายเร็วเกินไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักวิทยาศาสตร์หวั่นใจว่า หากน้ำแข็งในแถบ”กรีนแลนด์” เกิดละลายหมดขึ้นมาจริงๆ นั่นหมายความว่ามันจะทำให้ระดับน้ำทะเล สูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 7 เมตร
นักวิทยาศาสตร์ยังได้ศึกษาสภาพของแผ่นน้ำแข็ง จากภาพถ่ายดาวเทียม และนำไปเปรียบเทียบกับบันทึกของสถานีตรวจวัดสภาพอากาศแบบอัตโนมัติ 20 แห่ง
ผลการศึกษา ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร”ไครโอสเปียร์”(Cryosphere) ระบุว่า ในทุกๆ ปี จะมีฝนตกในฤดูหนาวรวม 2 ช่วงเวลา แต่เพิ่มขึ้นมาเป็น 12 ครั้ง ในปี 2012
และจากการอ่านบันทึกในช่วงระหว่างปี 1979 ถึง 2012 พบว่า ฝนที่ให้น้ำแข็งเกิดการละลายเกิดขึ้นมากถึง 300 ครั้ง โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่อูณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส
แต่ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์แปลกใจก็คือ ฝนที่ตกในช่วงฤดูหนาว ซึ่งตามปกติแล้ว พื้นที่ในแถบนี้จะมืดมิดอยู่แทบตลอดเวลา ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้น้ำแข็งไม่ละลายไปมากกว่านี้ แต่นี่กลับมีฝนตกลงมาอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ศาสตราจารย์”มาร์โค เทเดสโก”จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐบอกว่า ถึงแม้ฝนที่ตกลงมา เกิดแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้แผ่นน้ำแข็งหนาขึ้น ในทางตรงข้าม น้ำแข็งจากฝนเหล่านี้ จะละลายเร็วกว่าแผ่นน้ำแข็งปกติในช่วงฤดูร้อน
โดยพื้นผิวที่ขรุขระซึ่งเกิดจากฝนที่ตกลงมา จะทำให้พื้นผิวของน้ำแข็งขุ่นเป็นสีดำคล้ำ จึงกักเก็บความร้อนได้มากและนานขึ้น นั่นหมายความว่า น้ำแข็งจะละลายมากขึ้นตามไปด้วย