รายการเป็นเรื่องเป็นข่าวทางสถานีโทรทัศน์ PPTV จัดรายการในตอน กับดักประเทศไทย หลังการเลือกตั้ง โดยมี ผู้ร่วมรายการคือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อชาติ
โดยนายไพบูลย์ ยืนยันสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องการ การสืบทอดอำนาจนั้นเป็นวาทกรรมของฝ่ายที่ไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์กลับมา ซึ่งอธิบายไม่ได้ เพราะการสืบทอดอำนาจเป็นรัฐบาล คสช. แต่นี่มาจากเสียงพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งยังไงต้องมีเสียง ส.ส. เกินกึ่งหนึ่ง ต้องมี ส.ส. สนับสนุน อาจจะมาจากหลายพรรค และเป็น ครม. ร่วมกัน
“เราต้องมองว่า ส.ว. 250 คน ที่ร่วมเลือกนายกฯ ก็ผ่านประชามติมาแล้ว เขียนข้อความคำถามพ่วงชัดเจนให้ ส.ว. มาร่วมเลือกนายกฯ เมื่อประชามติมา 16 ล้านเสียง ส่วนไม่เห็นด้วยคือ 10 ล้านเสียง แต่เมื่อประชามติแล้วก็ได้มาก็ต้องบังคับไปตาม นี่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย ต้องดำเนินการไปตามกรอบรัฐธรรมนูญจนกว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ การจะบอกว่า ส.ว. เข้าไปแล้วบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์โหวต ก็จะโดน มาตรา 157”
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้หากมีพรรคใดได้รับเกิน 250 เสียง เรื่องนี้ก็จบ แต่หากไม่ได้ ก็ต้องเป็นพรรคผสม จะไปบอกว่าตัวเองชอบธรรมที่สุดไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่ได้มีหลัก อย่างนี้ก็แยกกันว่าเรื่องนี้มองไปที่ ส.ส. แต่ละคน เมื่อเข้าไปแล้ว หากเขามีมติใช้เอกสิทธิ์ของ ส.ส. หากเขาเลือกก็จบ ตนยังยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรีบตั้งรัฐบาล หากไปตั้งก็อยู่ในสถานะถูกยื่นอภิปรายได้ทันที
นายจตุพร การสืบทอดอำนาจมีความชัดเจนที่สุดคือการวางกติกาเพื่อการเอาเปรียบในการเข้าสู่อำนาจ การวางพล็อตเรื่องวุฒิสภา องค์กรอิสระ กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เป็นการเอาเปรียบ การที่พล.อ.ประยุทธ์ตั้ง ส.ว. ไม่ว่าจะไปมุมใด มันไปยาก หากประยุทธ์ไม่มีเสียงถึง 250 แ และพล.อ.ประยุทธ์ ต้องไปแบกรับนักการเมืองที่มีสีเทาทั้งหลายที่เคยถูกตราหน้าล้วนไปรวมอยู่ ความชอบธรรมจะหายอยู่ตามลำดับ
“สิ่งที่สำคัญ การเลือกตั้งครั้งนี้ที่มากกว่าคะแนนเสียง แต่ต้องดูว่ามีความชอบธรรมหรือไม่ การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ และชัยชนะที่ได้มาเต็มไปด้วยการยอมรับหรือไม่ ฝ่ายประชาธิปไตยมีเส้นทางคือ เดินไปถึง 251 แล้วนั่งรอ และได้ 376 เสียงแล้วตั้งรัฐบาลแข่ง”
นายจตุพรกล่าวว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์แสดงเจตนาว่า ส.ว. จะไม่กระทำการใดๆจนกว่า ส.ส. จะมีมติใดๆแล้วโหวตตาม หากเป็นอย่างนี้บ้านเมือง ไปได้
“ในสภา ส.ส. หากได้ข้างมากก็จบ แต่หากได้ข้างน้อยต้องรอ ส.ส. ให้เรียบร้อยแล้วโหวตตาม” นายจตุพรระบุ
นายจตุพรกล่าวว่า สมมุติ เอาง่ายๆ ฝ่ายหนึ่งรวมได้ 251 แล้วอยู่เฉยๆให้ประยุทธ์ ตั้งรัฐบาล แต่รัฐบาลที่พล.อ.ประยุทธ์ก็ล้มกระดานเพราะในทางปฏิบัติมาด้วยสองสภา แต่อยู่ด้วยสภาเดียว จริงๆตนอยากให้ท่านเข้าสภาสักครั้งว่ามีคนเห็นต่างเต็มสภาจะเป็นอย่างไร
“คนจะรู้สึกอย่างไร ประยุทธ์ ตั้ง ส.ว. มาโหวตให้ตัวเอง กฎหมายบอกทำได้กฎหมายก็มาจาก พล.อ.ประยุทธ์ ระบบบัตรใบเดียวมันคุมกำเนิดพรรคอื่น ขนาด “ประยุทธ์ คนเดียวมีสิทธิเท่าคนไทยครึ่งประเทศ”นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวว่า หากไม่คุยกันก็ไม่เป็นไร ก็รอกันไป ฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าไปไม่ถึง 376 ก็รอที่ 250
ทำให้นายไพบูลย์แย้งว่า “อย่างนั้นเขาก็ยังไม่ตั้งนายกฯ เขาก็มีมาตรา 44 อยู่ เขาไม่ได้บอกว่าต้องตั้งเมื่อไหร่ ก็มันไม่พร้อม เขาก็เป็นนายกฯตามนี้ เมื่อยังไม่ตั้ง เขาก็ยังเป็นนายกฯอยู่”
นายจตุพรจึงยอกว่า “คนไทยต้องขอบคุณไพบูลย์ หากคนไทยไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องเป็นนายกฯอยู่ดี อย่างไรก็เป็นอยู่ดี จะมีหรือไม่มีมาตรา 44 บ้านเมืองนี้ขาดพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เลยหรือ”
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ผมเดาว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ทำ มันเรื่องอะไร ทุกอย่างก็ต้องเดินไป หลังเลือกตั้งทุกคนไปประชุมในรัฐสภา จะโหวตอย่างไรก็ไปตกลงกัน