สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จาซินดา อาร์เดน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ แถลงระบุว่า ได้ยกระดับมาตรการป้องกันภัยคุกคามเป็นระดับสูงสุด หลังเมื่อช่วงเวลาบ่ายที่ผ่านมาเกิดเหตุคนร้ายที่เชื่อว่ามีมากกว่า 1 คน กราดยิงมัสยิด อัล นัวร์ (Al Noor) บนถนนดีน อเวนิว และอีกแห่งในเขตลินวูด โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้ระหว่างที่มีผู้นับถือศาวนาอิสลามประกอบพิธีละหมาดในมัสยิดทั้ง 2 แห่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยจำนวน 49 คน และ บาดเจ็บสาหัสจำนวนมากกว่า 20 คน
โดยนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ระบุว่า เหตุการณ์ในวันนี้เป็นการก่อการร้าย และขณะนี้ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุได้แล้ว 4 คน เป็นผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 1 คน ซึ่งทั้งหมดมีแนวคิดแบบหัวรุนแรง แต่ไม่มีชื่อปรากฏในรายชื่อผู้ที่ต้องเฝ้าระวังของตำรวจ
ขณะที่ ไมค์ บุช ผู้บัญชาการตำรวจนิวซีแลนด์ ระบุว่า อาจยังมีผู้ต้องสงสัยที่ยังไม่ถูกจับกุมอีก และยังพบระเบิดผู้ติดกับรถยนต์หลายคัน แต่เจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ คลิปวิดีโอจากการไลฟ์สตรีมของคนร้ายขณะไล่ยิงผู้คนในมัสยิดยังถูกลบออกจากเพจเฟซบุ๊กแล้ว โดยตำรวจขอร้องประชาชนอย่าแชร์คลิปวิดีโอดังกล่าว
ด้าน สก็อต มอริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยก่อเหตุที่ถูกจับคือพลเมืองชาวออสเตรเลีย โดยผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวเป็นผู้ก่อการร้ายที่มีความคิดแบบขวาจัด หรือเหยียดเชื้อชาติ
ทั้งนี้ นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ว่าจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจาก เหตุกราดยิงภายในมัสยิด 2 แห่งที่เมืองไครสต์เชิร์ช โดยสถานทูตได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด