คำที่ควรรู้เกี่ยวกับ "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก" (๑)
คำเกี่ยวกับ "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก" ที่ควรรู้เพื่อเข้าใจในพระราชพิธีอันสำคัญยิ่ง
พระปรมาภิไธยในพระสุพรรณบัฏ พระปรมาภิไธยที่จารึกลงในพระสุพรรณบัฏแต่เดิมมาเป็นพระปรมาภิไธยที่มีความยาวหลายบรรทัดใช้คำศัพท์ภาษาบาลีและสันสกฤตที่ผูกขึ้นอย่างประณีตให้ได้เสียงที่ไพเราะ และสื่อความถึงพระคุณวิเศษ [พระ-คุน-นะ-วิ-เสด] และสายราชสกุลของพระมหากษัตริย์พระองค์นั้น
พระปรมาภิไธยในพระสุพรรณบัฏของรัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๓ เป็นอย่างเดียวกัน คือ ขึ้นต้นว่า “พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี” [พระ-บาด-สม-เด็ด-พระ-บอ-รม-มะ-รา-ชา-ทิ-ราด-รา-มา-ทิ-บอ-ดี] และลงท้ายด้วย “บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว” [บอ-รม-มะ-บอ-พิด-พระ-พุด-ทะ-เจ้า-หยู่-หัว] ต่อมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ เปลี่ยนเป็นขึ้นต้นด้วย “พระบาทสมเด็จพระปรมินทร” [พระ-บาด-สม-เด็ด-พระ-ปอ-ระ-มิน] หรือ“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร” [พระ-บาด-สม-เด็ด-พระ-ปอ-ระ-เมน]
ในสมัยรัชกาลที่ ๙ พระปรมาภิไธยที่จารึกในพระสุพรรณบัฏปรากฏดังนี้ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตาลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” [พระ-บาด-สม-เด็ด-พระ-ปอ-ระ-มิน-ทระ-มะ-หา-พู-มิ-พน-อะ-ดุน-ยะ-เดด มะ-หิด-ตะ-ลา-ทิ-เบด-รา-มา-ทิ-บอ-ดี จัก-กรี-นะ-รึ-บอ-ดิน สะ-หยา-มิน-ทรา-ทิ-ราด บอ-รม-มะ-นาด-บอ-พิด]
พระราชลัญจกรประจำรัชกาล คือดวงตราสำหรับประทับกำกับพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ในเอกสารราชการแผ่นดิน เช่น รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา พระราชลัญจกร ทำด้วยงาช้างเป็นรูปวงกลม กลางวงกลมแกะเป็นรูปครุฑ รอบขอบภายในจารึกพระปรมาภิไธย พระราชลัญจกรเป็นเครื่องมงคลที่แสดงพระบรมราชอิสริยยศ [พระ-บอ-รม-มะ-ราด-ชะ-อิด-สะ-ริ-ยะ-ยด] และพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ ก่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะมีพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏพระปรมาภิไธย ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ตามฤกษ์ที่โหรหลวงคำนวณ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เมื่อจารึกแล้วเชิญประดิษฐานบนธรรมาสน์ศิลาเบื้องหน้าพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภช ๓ รอบ และพักไว้ในพระอุโบสถครั้นถึงวันเริ่มการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงตั้งขบวนแห่เชิญไปตั้ง ณ มณฑลพระราชพิธีในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
อภิเษก (อะ-พิ-เสก)
คำว่า อภิเษก มาจากคำภาษาสันสกฤต แปลว่า การรดอันยิ่ง ใช้หมายถึงแต่งตั้งโดยการทำพิธีรดน้ำ มีปรากฏในจารึกสมัยสุโขทัย ดังมีปรากฏในจารึกวัดศรีชุมมีข้อความว่า “...พ่อขุนผาเมืองจึงอภิเษกพ่อขุนบางกลาวหาว ให้เมืองสุโขทัย ให้ทั้งชื่อตนแก่พระสหายเรียกชื่อศรีอินทรบดินทราทิตย์ [สี-อิน-ทระ-บอ-ดิน-ทรา-ทิด]”
การอภิเษกมีได้หลายกรณี นอกจากการอภิเษกให้ขึ้นครองเมืองแล้ว ยังมีกรณีอื่น ๆ อีก เช่น ในไตรภูมิพระร่วง มีเรื่องเล่าถึงเศรษฐีผู้หนึ่งชื่อโชติกเศรษฐี [โช-ติ-กะ-เสด-ถี] มีสมบัติมากมาย เป็นต้นว่ามีปราสาท ๗ ชั้น ประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ มีกำแพงแก้วล้อมบ้าน ๗ ชั้น มีต้นกัลปพฤกษ์เรียงกันเป็นแถวระหว่างกำแพงแก้วทุกชั้น และมีขุมทองที่มุมบ้านทั้ง ๔ มุม พระเจ้าพิมพิสารผู้เสวยราชย์ในเมืองราชคฤห์ [ราด-ชะ-ครึ] จึงทรงอภิเษก คือทรงแต่งตั้งให้เป็นมหาเศรษฐี ดังมีข้อความว่า “พระญานั้น ธ จึงให้เอาเศวตฉัตรมาอภิเษกมหาเศรษฐี” คำว่า อภิเษก ใช้ประกอบกับคำอื่นได้คำสมาสหลายคำ เช่น ราชาภิเษก มุรธาภิเษก ปราบดาภิเษก
ราชาภิเษก (รา-ชา-พิ-เสก) ราชาภิเษก มาจากคำว่า ราช [รา-ชะ] กับ อภิเษก หมายถึงพระราชพิธีในการสถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์
ตำราราชาภิเษกที่มีมาแต่โบราณกล่าวไว้ว่า ราชาภิเษก มีลักษณะ ๕ ประการ คือ ๑. มงคลอินทราภิเษก [มง-คน-อิน-ทรา-พิ-เสก] ๒. มงคลโภคาภิเษก [มง-คน-โพ-คา-พิ-เสก] ๓. มงคลปราบดาภิเษก ๔. มงคลราชาภิเษก และ ๕. มงคลอุภิเษก [มง-คน-อุ-พิ-เสก] เรียกว่า ปัญจราชาภิเษก [ปัน-จะ-รา-ชา-พิ-เสก] ในประเทศไทยเรา คำที่ได้ยินเสมอ ๆ คือ ราชาภิเษกและปราบดาภิเษก เช่น ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา มีข้อความเล่าถึงแผ่นดินพระเจ้าท้ายสระ ตอนหนึ่งว่า
“มีพระราชโองการตรัสสั่งพระมหาราชครูพระครูบุริโสดมพรหมพฤฒาจารย์ [บุ-ริ-โส-ดม-พรม-พรึด-ทา-จาน] ให้จัดแจงการพระราชพิธีราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียร” และเล่าถึงแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ตอนหนึ่งว่า “ถึงวันศุภวารดิถีพิชัยมงคลมหามหุติฤกษ์ [สุบ-พะ-วา-ระ-ดิ-ถี-พิ-ไช-มะ-หา-มะ-หุ-ติ-เริก] จึงกระทำการพิธีปราบดาภิเษก”
มุรธาภิเษก (มุ-ระ-ทา-พิ-เสก) มุรธาภิเษก ประกอบด้วยคำว่า มุรธ [มู-ระ-ทะ] ซึ่งหมายถึงหัวหรือยอด กับคำว่า อภิเษก มุรธาภิเษกจึงใช้หมายถึงการรดน้ำอันศักดิ์สิทธิ์เหนือศีรษะ และหมายถึงน้ำพระพุทธมนต์และเทพมนตร์ [เทบ-พะ-มน] สำหรับถวายพระมหากษัตริย์เพื่อสรงในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกหรือพระราชพิธีอื่นๆ
ตามหนังสือประเพณีวังและเจ้า ของ หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล [เท-วา-ทิ-ราด ปอ มา-ลา-กุน] เมื่อจะทำน้ำพระมุรธาภิเษก เจ้าพนักงานตั้งพระพุทธรูปเป็นประธานพร้อมด้วยโต๊ะหมู่เป็นแท่นที่บูชาและตั้งภาชนะสำหรับใส่น้ำพระมุรธาภิเษกมีพานแว่นฟ้ารองรับ ภาชนะดังกล่าวเรียกว่า พระครอบมุรธาภิเษกทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ด้านนอกหุ้มทองลงยา พระครูปริตรไทย [พระ-ครู-ปะ-ริด-ไท] ๔ รูป และพระครูปริตรมอญ [พระ-ครู-ปะ-ริด-มอน] ๔ รูป เป็นผู้สวดพระปริตร [พระ-ปะ-ริด]
อินทราภิเษก (อิน-ทรา-พิ-เสก) แปลว่า แต่งตั้งผู้เป็นใหญ่โดยทำพิธีรดน้ำ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ อินทราภิเษก มีลักษณะพิเศษ ๓ ประการ คือ ๑. พระอินทร์นำเอาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ [เครื่อง-ราด-ชะ-กะ-กุด-ทะ-พัน] มาถวาย เมื่อจะได้ ราชสมบัติ ๒. เสี่ยงราชรถมาจดฝ่าพระบาท และ ๓. เหาะเอาฉัตรทิพย์มากางกั้น นอกจากนั้น การที่พระเจ้าแผ่นดินทำพิธีราชาภิเษกอีกครั้งหนึ่งเมื่อปราบพระเจ้าแผ่นดินอื่นให้อยู่ในอำนาจได้มาก ก็เรียกว่า อินทราภิเษก คือ ทำพิธีแสดงว่าพระองค์เป็นใหญ่เหนือพระเจ้าแผ่นดินทั้งหลายในกฎมณเฑียรบาล กล่าวถึงพระราชพิธีอินทราภิเษกว่า มีการตั้งเขาพระสุเมรุชักนาคดึกดำบรรพ์ [เขา-พระ-สุ-เมน-ชัก-นาก-ดึก-ดำ-บัน] สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ [สม-เด็ด-พระ-มะ-หา-จัก-กระ-พัด] เคยมีพระราชพิธีอินทราภิเษก สมัยรัตนโกสินทร์ไม่เคยมีพระราชพิธีอินทราภิเษก มีแต่ฉากเขียนลายรดน้ำภาพพระราชพิธีอินทราภิเษก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้นอยู่ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ปัจจุบันที่พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ข้อมูล : คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ติดตามข่าวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/พระราชพิธีบรมราชาภิเษก