ความเป็นมา "พระราชพิธีเบื้องต้น"
ประกอบด้วยการเจริญพระพุทธมนต์ตั้งน้ำวงด้าย จุดเทียนชัยและเจริญพระพุทธมนต์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในเวลาเย็นทรงจุดเทียนนมัสการพระรัตนตรัย พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
วันรุ่งขึ้นทรงถวายภัตตาหารเช้าเป็นเวลา ๓ วัน ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบมา ส่วนพิธีพราหมณ์ อาจกระทำมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แต่เอกสารมิได้กล่าวถึง ปรากฏหลักฐานในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ประกอบพิธียกพระเศวตฉัตร ๗ ชั้น ที่พระที่นั่งอัฐทิศและพระที่นั่งภัทรบิฐ ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พร้อมทั้งการถวายเครื่องพลีกรรมบวงสรวงเทวดา ณ เทวสถานต่างๆ ในพระนครและการถวายน้ำสังข์ ถวายใบมะตูม ให้ทรงทัด กับถวายใบสมิต (ใบมะม่วง ใบทอง ใบตะขบ) เพื่อทรงปัดพระเคราะห์ก่อนจะมอบให้พระมหาราชครูนำไปบูชาชุมโหมเพลิงเพื่อป้องกันอันตรายทั้งปวง
หลังจากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระแท่นบรรทมเพื่อทรงสดับพระสงฆ์สวด เจริญพระปริตรต่อเนื่องเป็นเวลา ๓ วัน ขั้นตอนพระราชพิธีดังกล่าว เป็นแบบอย่างสืบมาในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีการปรับเปลี่ยนขั้นตอนตามความเหมาะสม โดยก่อนวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โปรดให้ประกอบพระราชพิธีในเวลาเย็น วันเดียวกัน คือ วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ เจริญพระพุทธมนต์บนพระแท่นลาหน้าตั่งทุกตั่งตั้งบัตรเทวรูปนพเคราะห์ ๓ ชั้น สำหรับโหรบูชาเทวดานพเคราะห์เฉพาะวันนี้ และจะถอนไปในวันรุ่งขึ้น รวมทั้งการจัดเครื่องบูชาพระมหาเศวตฉัตร ๕ แห่ง ประกอบด้วยพระมหาเศวตฉัตรภายในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยพระมหาเศวตฉัตรภายในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระมหาเศวตฉัตรภายในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพระมหาเศวตฉัตรภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม พระมหาเศวตฉัตรภายใน พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและปูชนียสถานและสิ่งสำคัญ๑๓ แห่งในพระนคร อนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. เจ้าพนักงานพระอาลักษณ์เชิญพานพระสพุรรณบัฏพร้อมด้วยดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ออกจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามมาขึ้นพระราชยานกงที่เกยพลับพลาหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเข้าขบวนแห่อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑล ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ประกอบด้วย พิธีสรงพระมุรธาภิเษก พิธีถวายน้ำอภิเษกจากผู้แทนทิศทั้ง ๘ ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์และพิธีถวายสิริราชสมบัติ และเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ณ พระที่นั่งภัทรบิฐในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พิธีสรงพระมุรธาภิเษก “มุรธาภิเษก” แปลว่า การรดน้ำที่พระเศียร น้ำที่รดเรียกว่า “น้ำมุรธาภิเษก” หมายถึงการยกให้หรือการแต่งตั้งโดยการทำพิธีรดน้ำ ซึ่งตามคติความเชื่อของพราหมณ์ถือว่าการยกให้ผู้ใดเป็นใหญ่ ทรงสิทธิ์อำนาจนั้น จะต้องทำด้วยพิธีรดน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งน้ำสรงพระมุรธาภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่บรรจุในทุ้งสหัสธารานั้น เจือด้วยน้ำปัญจมหานทีในมัธยมประเทศ(อินเดีย) และน้ำเบญจสุทธคงคา แม่น้ำสำคัญทั้งห้าของ ราชอาณาจักรไทย น้ำสี่สระเจือด้วยน้ำอภิเษกซึ่งทำพิธีพลีกรรม ตักมาจากปูชนียสถานสำคัญในจังหวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรและเจือด้วยน้ำพระพุทธปริตร ที่ได้ทำพิธีเตรียมไว้ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรนั้นเสด็จประทับเหนืออุทุมพรราชอาสน์ ณ มณฑปพระกระยาสนาน เจ้าพนักงานไขสหัสธาราหลังจากสรงสหัสธาราแล้ว สมเด็จพระสังฆราชขึ้นถวายน้ำพระพุทธมนต์ ด้วยครอบพระกริ่งที่พระปฤษฎางค์ และพระครอบยันตรนพคุณที่พระหัตถ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์กรมขุนชัยนาทนเรนทรทูลเกล้าฯ ถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยพระเต้าเบญจคัพย์ที่พระหัตถ์ พระโหราธิบดี ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้านพเคราะห์ ทรงรับไปสรงที่พระอังสาทั้งซ้ายและขวาพระราชครูวามเทพมุนี (สวาสดิ์ รังสิพราหมณกุล) ทูลเกล้าฯถวายน้ำมหาสังข์ น้ำเทพมนตร์ในพระเต้าเบญจคัพย์ และพระครอบสัมฤทธิ์ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายใบมะตูมทรงทัด และใบกระถิน เพื่อทรงถือ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (ก๊าด วัชโรทัย) ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์ ทักษิณาวัฏ
อนึ่งขณะทรงสรงพระมุรธาภิเษกพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร มโหระทึก และเครื่องดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวาย ความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค ๒๑ นัด เฉลิมพระเกียรติ
พิธีถวายน้ำอภิเษก
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สรงพระมุรธาภิเษกแล้วทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณเ์สด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมานไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศภายใต้เศวตฉัตร ๗ ชั้น ผู้แทนสมาชิกรัฐสภาถวายน้ำอภิเษก และพระราชครูวามเทพมุนีทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์เวียนไปครบ ๘ ทิศ เมื่อเสด็จมาประทับยังทิศบูรพาอีกครั้งเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ(จิตร ณ สงขลา) ประธานวุฒิสภากราบบังคมทูลถวาย ชัยมงคลเป็นภาษามคธ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษก แต่เดิมราชบัณฑิต และพราหมณ์เป็นผู้ถวายน้ำอภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงรับน้ำอภิเษกจากสมาชิกรัฐสภาทั้ง ๘ ทิศ เป็นนัยแสดงถึงความเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย จากนั้นพระราชครูวามเทพมุนีกราบบังคมทูลถวายชัยมงคลด้วยภาษามคธ และภาษาไทย แล้วน้อมกล้าฯ ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตร
ขณะนั้นพราหมณ์เป่าสังข์ชาวพนักงานแกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมฆ้องชัย แตร มโหระทึก และเครื่องดุริยางค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงรับ และพระราชทานเจ้าพนักงาน แล้วเสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ไปยังพระที่นั่งภัทรบิฐโดยมีขบวนเชิญพระชัยนวโลหะและพระคเณศนำเสด็จ และเจ้าพนักงานเชิญนพปฎลมหาเศวตฉัตรตามเสด็จด้วย
พิธีถวายสิริราชสมบัติ และถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์
ข้อมูลเกี่ยวกับพระราชพิธีเบื้องต้น “เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์”
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จไปยังพระราชอาสน์อีกด้านหนึ่ง เรียกว่าพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร พระราชครูวามเทพมุนี ร่ายเวทสรรเสริญศิวาลัยไกรลาสจบแล้วถวาย พระสุพรรณบัฏเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องขัตติยราชวราภรณ์ เครื่องขัตติยราชูปโภค และพระแสงอัษฎาวุธ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฎในตอนนี้อันเป็นขั้นตอนสำคัญแห่งพิธี ซึ่งในแต่ละรัชกาลจะมีลำดับพิธีการก่อนหลังแตกต่างกันไป แต่เดิมความสำคัญของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอยู่ที่ทรงรับน้ำอภิเษก เพื่อแสดงความเป็นใหญ่ในแคว้นทั้ง ๘ แต่ในสมัยนี้อนุโลมการสวมพระมหาพิชัยมงกุฎเป็นสำคัญตามคติในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในลำดับพิธีการนี้พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย ฯลฯ พระอารามทั้งหลาย ย่ำระฆัง หลังจากพิธีถวายสิริราชสมบัติ และเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่พระที่นั่งภัทรบิฐแล้ว พระครูพราหมณ์ฝ่ายต่างๆ ถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่จะมีพระปฐมบรมราชโองการเป็นภาษาไทย ต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๕ ในพระราชพิธิบรมราชาภิเษก ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๔๑๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้เพิ่มพระปฐมบรมราชโองการภาษามคธ อีกหนึ่งภาษา พระปฐมบรมราชโองการ จึงประกอบด้วย ภาษาไทยและภาษามคธ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อมาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร หลังจากคณะพราหมณ์ถวายพระพรชัยมงคลพระราชครูวามเทพมุนี ถวายพระพรชัยมงคลด้วยภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทยด้วยภาษาไทย พระราชครูวามเทพมุนีรับพระบรมราชโองการด้วยภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทย จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งทักษิโณทกตั้งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจปกครองราชอาณาจักร
คำที่ควรรู้เกี่ยวกับ "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก" (๑)
การจารึกพระสุพรรณบัฏและแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล
คำที่ควรรู้เกี่ยวกับ "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก" (๒)
หมายกำหนดการพระราชพิธี บรมราชาภิเษก
ติดตามข่าวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/พระราชพิธีบรมราชาภิเษก