หมอย้ำจำเป็นต้องใช้ ‘คาร์ซีท’ แม่อุ้มไม่ปลอดภัยพอ
หลังราชกิจจานุเบกษาปรับกฎหมายจราจรทางบกใหม่ หมอออกมาย้ำจำเป็นต้องใช้ ‘คาร์ซีท’ แม่อุ้มไม่ปลอดภัยพอ
หลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 ปรับกฎหมายจราจรทางบก เด็กไม่เกิน 6 ปี สูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องนั่งคาร์ซีท หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท และมีผลบังคับใช้อีก 120 วันนับแต่ประกาศนั้น
วันนี้ยังเป็นประเด็นที่เกิดข้อถกเถียง โดยเฉพาะเรื่องกำลังซื้อ ที่ทุกคนไม่ได้มีเท่ากัน ซึ่งร้อนแรงในโลกโซเซียล อย่างทวิตเตอร์ของ ‘ปลาทองต้องรอด’
รวมเรื่อง 'คาร์ซีท' ควรเลือกแบบไหน? ติดตั้งอย่างไร? ราคาเท่าไร?
เปิดมุมมอง ความคิดเห็น “คาร์ซีท” หลังออกกฎคุมเข้ม
ซึ่งระบุว่า "เรื่องคาร์ซีทเห็นชนชั้นกลางออกมาพูดแบบไม่มี empathy ก็โมโหทุกครั้ง คือคาร์ซีทบ้านเราแพงมากนะ เทียบกับค่าครองชีพขนาดชนชั้นกลางยังไม่ได้ซื้อได้แบบชิว ๆ ทุกคนเลย ซีทนึง 2-3 หมื่นแล้วมาบอกคนจนโวยวายไม่สนความปลอดภัย ไม่สนกฎ คือรัฐควรทำให้มันเป็นสินค้า afford ได้ทุกชนชั้นก่อนออกกฎแบบนี้"
ข้อความนี้ มีการแสดงความคิดเห็น และแชร์ต่อ ๆ กันไปเกือบ 4,000 ข้อความ ส่วนใหญ่บอกว่า แม้จะซื้อของราคาถูก ก็มีราคา 2,000 บาทแล้ว เมื่อต้องรวมกับค่าใช้จ่ายของลูกอื่น ๆ เช่น ค่าแพมเพิส ค่านม เข้าไปอีก ก็ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่นั้นสูงพอสมควร ซึ่งขณะนี้แค่ค่าครองชีพก็สูงเอาการอยู่แล้ว ซึ่งความคิดเห็นนี้ตรงกับประชาชนที่วันนี้ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นที่ว่า คนทุกคนไม่ได้มีกำลังซื้อคาร์ซีท ได้เหมือนกันทุกคน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลักของกฏหมายฉบับนี้ คือเรื่องของความปลอดภัยของตัวเด็กเอง ซึ่งวันนี้ มีการยืนยันจาก นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ที่แถลงข่าว ในหัวข้อ “120 วัน บังคับใช้กฎหมายที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ใครต้องทำอะไร”
นพ.อดิศักดิ์ ย้ำว่า การอุ้มเด็กนั่งบนตักพ่อแม่และคาดเข็มขัดนิรภัย นพ.อดิศักดิ์ ระบุว่าไม่ได้ทำให้ปลอดภัย เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุจะมีพลังงานการเคลื่อนที่ทำให้อ้อมกอดของแม่ ไม่สามารถรั้งลูกไว้อยู่ เด็กอาจกระเด็นออกนอกรถและเสียชีวิตได้ และถ้าเป็นรถยนต์ที่มีถุงลมนิรภัย การอุ้มเด็กนั่งบนตักทำให้เด็กเข้าใกล้ถุงลมนิรภัยเกินไป เวลาเกิดอุบัติเหตุจะมีพลังงานย้อนกลับ ทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเด็ก
นพ.อดิศักดิ์ ยังได้แนะนำคาร์ซีทที่เหมาะสำหรับเด็กแต่ละวัย โดยระบุว่า คนไม่ค่อยรู้ว่าเด็กทารก ก็สามารถใช้คาร์ซีทได้แล้ว โดยเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 2 ปี ควรใช้คาร์ซีทบนที่นั่งด้านหลังและหันหน้าไปด้านหลังเท่านั้น ไม่ควรให้เด็กนั่งหันหน้าไปด้านหน้า เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุคาร์ซีทจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการกระแทกกับศีรษะหรือตัวของเด็กได้
ส่วนเด็กอายุ 2-6 ปี ควรใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กที่มีที่ยึดเหนี่ยวในตัว นั่งหันหน้าไปด้านหน้าได้ เพราะคาร์ซีทสำหรับเด็กวัยนี้มีสายรัดตัวที่ยึดเหนี่ยวร่างกายเด็กไว้ถึง 5 จุด ส่วนเด็กอายุ 4-11 ปี ควรใช้ที่นั่งเสริม จนกว่าเด็กจะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยได้พอดี โดยทั่วไปจะมีอายุ 9 ปีขึ้นไป
ส่วนรถกระบะตอนเดียวที่มีเพียง 2 ที่นั่ง นพ.อดิศักดิ์ ระบุว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะประเทศไทยมีการใช้รถปิ๊กอัพเยอะ แต่ถ้ารถมีที่นั่งจำกัด ไม่สามารถวางคาร์ซีทไว้ที่เบาะหลังได้ ก็สามารถวางไว้ที่เบาะข้างคนขับได้แต่รถต้องไม่มีถุงลมนิรภัย และต้องรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุได้