“สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” มอบของขวัญสัตว์ป่า ฉลอง Merry Christmas & Happy New Year
“คู่เพนกวินม่ายกอดคอ” ชนะรางวัลภาพถ่าย
เมื่อวันที่ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศน์ทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thon Thamrongnawasawat” พร้อมเผยภาพรอยแม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ ของกรมอุทยานแห่งชาติ ระบุว่า เช้า ๆ ใกล้ปีใหม่แบบนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าภาพรอยเต่ายักษ์บุกหาดบางขวัญ แม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่ #รังที่12 เมื่อเช้าตรู่วันนี้ เลือกภาพนี้มาให้ดู เพราะมันสุดปัง รอยใหญ่จริง ๆ ถ้าไม่บอก คงคิดว่าพญานาคเลื้อยผ่านมามอบตัวเลขเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชนชาวไทยที่หน้าเหี่ยวแห้งลงทุกวัน ชาวบ้านพบตัวครับ
แม่เต่ารายนี้มีแผลเล็ก ๆ ที่โคนขา แต่หาเบตาดีนใส่ให้ไม่ทัน จะอย่างไรก็ตาม แผลแค่นั้นคงไม่มีปัญหาอะไรมาก พิสูจน์ได้โดยแม่เต่าขึ้นมาหลายหนแล้ว รังที่ 9 ก็เป็นฝีมือออเจ้าเช่นกัน จุดวางไข่ห่างรังแรก 700+ เมตร คาดว่าแม่เต่าฉลองหนักจึงพลาดท่า ว่ายน้ำเป๋ไปมาไม่ตรงจุด เสียแรงที่คอยเชียร์มาตลอด เนื่องจากใกล้แนวน้ำ เจ้าหน้าที่กรมทะเลย้ายไข่แล้ว มีไข่ดี 96 ฟอง น่าจะได้ลูกเต่าอย่างน้อย 5 โหล ถึงตอนนี้ ลูกเต่าลงทะเลไปแล้ว 72 ตัว ปีใหม่น่าจะมีแก๊งค์สองตามไป เพราะอยู่มา 57 วันแล้วจ้ะ ตามตำราคือ 60 วัน ผมตั้งชื่อไว้แล้วว่าน้องสิ้นปี แต่ที่ต้องร่วมลุ้นคือสถิติจะถูกทำลายหรือไม่? ซีซั่นก่อน 13 รัง ซีซั่นนี้ 12 รังแล้วจ้าอย่าลืมหน้ากากกับโซเชียลดิสแทนซ์นะจ๊ะคุณแม่เต่า
เพจ ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ยังอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับร่องรอยของแม่เต่ามะเฟือง ทำไมจึงมีร่องรอยดังที่เห็นในภาพ
" ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญกำลังพยายามศึกษารอยแม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ เพื่อหาทางพัฒนาวิจัย/อนุรักษ์ จึงลองนำรอยแม่เต่าเมื่อเช้ามาวิเคราะห์ให้เพื่อนธรณ์
บอกก่อนว่าเรื่องนี้เพิ่งเริ่มทำการศึกษา มีหลายอย่างที่เรายังไม่รู้
สิ่งที่ผมบอกต่อไป เป็นเพียงแนวคิด รอให้มีการพิสูจน์เมื่อมีข้อมูลเพิ่มขึ้นนะฮะ"
เริ่มจากการขึ้นของแม่เต่า สังเกตรอยชัดเจนมาก
ช่วงแรกหาดลาดเอียงปรกติ แต่เมื่อมาถึงสันทรายแนวน้ำขึ้นเต็มที่ แม่เต่าเริ่มรู้ความเปลี่ยนแปลงของความชันหาด
จากจุดนี้ แม่เต่าเริ่มรู้ว่า วางไข่หลังแนวสันทราย น่าจะพ้นน้ำนะ
ร่องรอยเปลี่ยนไป เป็นรอยพุ้ยทรายวางไข่ที่ซับซ้อนมาก
แม่เต่าจะปกปิดรัง บางทีก็มีหลุมหลอก บางหนก็เป็นรอยแบบนี้ยาวเป็นสิบๆ เมตร (เทียบรอยกับตัวคนครับ)
ทั้งนี้เพื่อป้องกันสัตว์ต่างๆ มาคุ้ยไข่กิน บอกเลยว่าหาไม่ง่าย
แถมหลุมไข่เต่ามะเฟืองยังลึกสุดในเต่าทะเลทั้งหลาย บางทีเกือบเมตร (รังนี้ลึก 82 เซนติเมตร)
แม้แต่เจ้าหน้าที่ กว่าจะหารังเต่าเจอแต่ละที ต้องค้นกันเป็นชั่วโมง
แล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้เหรอ ?
คำตอบคือไม่ได้ครับ เราต้องหาให้เจอ เพื่อดูว่าพ้นแนวน้ำมากพอหรือเปล่า
สมัยก่อนเต่าเยอะ รังโดนน้ำท่วมไปบ้างก็ไม่เป็นไร
แต่ยุคนี้เต่ามะเฟืองใกล้สูญพันธุ์ อะไรช่วยกันได้ต้องทำให้ดีสุด
ในกรณีที่วางไข่ห่างไกล ไม่มีคนเฝ้า เรายังต้องย้ายมาอยู่ใกล้รังอื่นๆ เพื่อดูแลให้ทั่วถึง
ไม่งั้นส่งคนไปเฝ้าทุกรัง รังละ 4 กะ กะละ 6 ชั่วโมง รังหนึ่งต้องใช้ 4 คนเป็นอย่างน้อย
ปีนี้ 12 รัง ใช้ 48 คน แฮ่ม ไม่มีเงินจ้างฮะ
เมื่อแม่เต่าไปสุดหาด เจอเนินทรายมีพืชคลุม เธอหันหลังกลับ
เพราะฉะนั้น พื้นที่วางไข่อยู่ระหว่างสันทรายกับเนินทราย
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องพยายามดูแลชายฝั่งให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
เพราะหากเรารุกล้ำเนินทราย สร้างสิ่งก่อสร้างแบบไม่พิจารณาใดๆ ย่อมบีบให้ขอบเขตการวางไข่แคบลง
โดยเฉพาะเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ เธอต้องการพื้นที่กว้างมากครับ
สุดท้ายแม่เต่าคลานลงทะเล เจอรอยเดิม ไม่เหยียบซ้ำ
อย่าถามว่าทำไม ? ตอนนี้ไม่อาจตอบได้ ถ้าศึกษาไปเรื่อยๆ คงได้สักวัน
เอาเป็นว่า จุดประสงค์ของโพสต์นี้คือเพื่ออธิบายให้ทราบว่า หาดตามธรรมชาติมีความสำคัญกับแม่เต่าอย่างมาก
เมื่อเราใช้โดรนช่วยศึกษา เราได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะเลย
และจะมีผลอย่างยิ่งต่ออนาคตของเต่าใหญ่ที่สุดในโลก
ลองติดตามกันต่อไป ได้อะไรจะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ
แต่คืนนี้ มีแววว่าลูกเต่ารังสองกำลังจะเกิด
ซีซั่นก่อน 351 ตัว ซีซั่นนี้ เกิดไปแล้ว 72 ตัว
มาลุ้นทำสถิติใหม่กัน
และมาลุ้นว่าเลขที่ออกจะเป็นอะไร สำหรับค่ำคืนนี้ฮะ ...
ภาพ: กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
