เจรจาลูกชายปู่คออี้ ลงจากป่าไม่สำเร็จ
saveบางกลอย เพราะ กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำเดิม
การนั่งล้อมวงเจรจาพูดคุยผ่านล่าม ของ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอย และเจ้าหน้าที่อุทยาน ที่เป็นชาวกะเหรี่ยง ช่วยให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี จนชาวบางกลอย เปิดใจถึงการตัดสินใจเดินทางกลับเข้าป่าอีกครั้ง
กลุ่มชาวกะเหรี่ยง ที่ยังไม่ย้ายกลับลงมามี 59 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น เด็ก และผู้หญิง อาศัยรวมกัน อยู่ริมน้ำบางกลอย 36 ครอบครัว ส่วนมากมีอาชีพรับจ้าง ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง เมื่อโควิด-19 แพร่ระบาด พวกเขาถูกเลิกจ้าง ไม่มีเงินซื้อข้าวปลาอาหาร เลี้ยงครอบครัว
ทำให้ข้อเสนอเดียวในวงเจรจาของพวกเขาในวันพรุ่งนี้ที่ศาลาพอละจี หรือศาลาบิลลี่ คือขอให้รัฐอนุญาต ให้ปลูกข้าวตามจุดที่ป่าถูกถางไปแล้ว
สิ่งที่ผู้อพยพ ทั้ง 36 ครอบครัว ขอคือการแผ้วถางป่า แปลงละประมาณ 15 ไร่ เพื่อทำไร่หมุนเวียน เป็นระยะเวลา 10 ปี ปีละ 1 แปลง โดยไม่ซ้ำที่เดิม แต่ข้อเสนอขอทำไร่หมุนเวียน ทำให้ฝ่ายรัฐ ต้องทบทวนข้อเรียกร้อง ไปพร้อม ๆ กับการเดินหน้าเจรจาให้ได้ข้อยุติ
การรับข้อเสนอของฝ่ายรัฐ ที่จบด้วยการจับมือรับนัดทั้งสองฝ่าย ต่างจากเอกสารเอ็มโอยู ที่ภาคีเซฟบางกลอย ยื่นให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนาม เพราะเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ขอให้ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงรับปาก หากยังไม่ได้ข้อยุติ ห้ามถางป่าเพิ่ม
เปิดใจ"กะเหรี่ยง"ขึ้น"บางกลอยบน"เก็บผลผลิต