LIFE STORY : “แพท พาวเวอร์แพท” อยู่กับ “คำสาป” ด้วย “ความสุขเล็ก ๆ”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คุยกับ “แพท พาวเวอร์แพท” ถึงการเยียวยาหัวใจตัวเองในช่วงที่ต้องโทษ เขาฟันฝ่ามันมาได้อย่างไร และชีวิตเขาเป็นอย่างไรในวันที่ได้ออกมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง

“พาวเวอร์แพท” น้ำตาไหล ชมเอ็มวีเพลงแรก หลังหวนรวมวงในรอบ 20 ปี

กลับมาในฐานะผู้ให้ “แพท พาวเวอร์แพท” บริจาคอุปกรณ์ดนตรี – ศิลปะ ให้เรือนจำบางขวาง

“แพท พาวเวอร์แพท” เปิดชีวิตจากนักร้องดังสู่เรือนจำ และสิ่งที่ตั้งใจทำหลังพ้นโทษ

วันที่ 6 พฤษภาคม 2547 กลายเป็นวันที่เปรียบเสมือนฝันร้ายของ “วรยศ บุญทองนุ่ม” หรือ “แพท พาวเวอร์แพท” ศิลปินหนุ่มชื่อดังแห่งยุค ‘90 หลังถูกจับในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ ถูกตัดสินจำคุกนาน 50 ปี

“มันเป็นเรื่องของความเป็นวัยรุ่น ณ ช่วงนั้น มีความคิดบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ค่อยฟังใคร ไม่ค่อยเชื่อคำพูดคำตักเตือนของใคร มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากก็เลยตัดสินใจทำอะไรที่มันผิดพลาดไปได้ง่าย ด้วยความมั่นใจที่เกินเหตุ” แพทกล่าว

สิ่งที่เกิดขึ้นชวนให้สงสัยว่า แพทสามารถฟันฝ่าชีวิตที่เหมือนต้องคำสาปมาได้อย่างไร เมื่อในขณะนั้นเขามีทั้งชื่อเสียง ทั้งความสำเร็จ

แสงไฟในความมืดมิด

เขายอมรับว่า ในช่วงแรกที่ทราบว่าต้องโทษค่อนข้างที่จะจิตตกเล็ก ๆ “ความคิดเรามันก็ไปในหลายทิศทาง สุดท้ายมันก็ใช้เวลาในการเยียวยาตัวเอง ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ๆ กว่าจะกลับมาได้ แล้วก็ตั้งสติ ตั้งหลัก ในการดำเนินชีวิตต่อไป ในเมื่อมันจะต้องอยู่แล้ว เราก็คิดว่าควรต้องใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ อยู่อย่างมีความสุขเท่าที่เราพอจะหาได้กับสิ่งเล็กน้อยรอบตัว”

แพทมองว่า ช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งยังไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไรจะพ้นโทษ เขาจึงพยายามมองหาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง เมื่อพิจารณาว่าข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของแพทคือ “เวลา” เขาจึงอยากใช้เวลาที่มีนี้ในการพัฒนาตนเอง

หนึ่งในการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ของแพทคือเรื่องการศึกษา เขาสำเร็จการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ เอกสารสนเทศศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อปี 2552

นอกจากนี้ แพทยังค้นพบความสามารถใหม่ของตัวเองในช่วงนี้ด้วย นั่นคือ “ศิลปะ”

“เราได้พัฒนาในด้านที่เราอาจจะไม่คิดว่าเราทำได้ เช่นเรื่องการวาดรูปที่เราลองทำดูแล้วเรารู้สึกว่า เราน่าจะไปทางนี้ได้ แล้วก็ได้มีการเรียนต่อด้านจิตรกรรมด้วย แล้วก็ผลิตงานศิลปะที่เป็นจิตรกรรมออกมามากมายหลายชิ้น” แพทกล่าว

การศึกษาด้านศิลปะของแพทอยู่ภายใต้โครงการวิชาชีพของการศึกษานอกระบบ (กศน.) ซึ่งแพทก็ทำได้ดีจนได้ประกาศนียบัตร “วิชาชีพจิตรกรรม”

เขาเล่าให้ฟังว่า “ระหว่างที่ผมเขียนรูป ผมไม่ต้องไปคิดอะไร ลืมไปเลยว่าผมอยู่ที่ไหน ใจเราปลดปล่อยไปกับลายเส้นลายสีที่เราแต่งแต้มตามจินตนาการของเรา มันมีความเป็นอิสระ ตรงนี้ก็เป็นเหมือนการเยียวยาความรู้สึกของเรา”

ไม่เพียงเท่านั้น แพทยังไม่ทิ้งสิ่งที่เขาหลงรักมาทั้งชีวิต นั่นคือ “ดนตรี”

แพทยอมรับว่า ดนตรีเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในเรือนจำ แม้ในเรือนจำไม่ได้สะดวกสบาย รวมถึงมีข้อจำกัดไม่น้อยในการจะฝึกดนตรี ทั้งช่องทางการหาความรู้ ทั้งอุปกรณ์ที่จะต้องหามา

“ผมก็พยายามทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองได้เล่นดนตรีอยู่ตลอดเวลา ก็พยายามพัฒนาตนเองมาเรื่อย ๆ จนตัวเองมีความรู้ได้ประมาณหนึ่งแล้ว ก็มีรุ่นน้องเพื่อน ๆ เข้ามาสอบถามความรู้ด้านดนตรีต่าง ๆ ที่เราศึกษามาด้วยตนเอง ก็ได้มีการถ่ายทอดบอกต่อกันไป ตอนหลังก็ได้มีการสอนกันเป็นเรื่องเป็นราว”

โดยแพทใช้เวลาหลายปี กว่าจะมีคลาสเรียนดนตรีในเรือนจำ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้จะยังมีอยู่หรือไม่ แต่ก่อนหน้าที่ตนจะออกมาได้สืบทอดให้กับรุ่นน้องที่เป็นลูกศิษย์ต่อแล้ว และควรมีต่อไป เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อคนข้างใน เป็นการให้ความหวัง ให้กำลังใจ

“อย่างน้อยที่สุดดนตรีก็ทำให้เรามีความสุข ลืมความทุกข์กับชีวิตจริงที่เผชิญอยู่ทุกวัน ตรงนี้ผมว่ามีประโยชน์มากทั้งดนตรีและศิลปะ มันทำให้มนุษย์อยู่กับชีวิตในสภาพความเป็นจริงที่ทุกวันนี้อาจจะโหดร้าย ให้มนุษย์ประคองตัวอยู่ไปได้”

ความสุขเล็ก ๆ ของแพทไม่ได้จบอยู่แค่ในเรือนจำ แพทยังวาดภาพประมูล เพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์ดนตรีและศิลปะมอบให้เรือนจำกลางบางขวาง ให้ผู้ต้องขังได้ฝึกฝนพัฒนาความสามารถ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยประสบปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ดนตรีและศิลปะในเรือนจำ

“มันมีความสุขมาก สิ่งที่มันเกิดจากสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีหรือศิลปะ แล้วพอเราทำแล้วมันเกิดประโยชน์ นอกจากกับตัวเองแล้วยังสามารถทำให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นได้อีก มันยิ่งทำให้งานศิลปะมันเติมเต็ม มันสมบูรณ์ในตัวของมันเอง ผมว่าสิ่งนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก และผมยังสามารถส่งต่อความสุข ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนอื่น ๆ ให้เขามีความสุขมีความหวังในชีวิต”

ชีวิตหลังฝันร้าย

หลังพ้นโทษเมื่อช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ชีวิตของแพทเริ่มเข้าที่เข้าทาง มีการออกงานออกรายการซึ่งต้อนรับการกลับมาของเขาอย่างอบอุ่น

ไม่เพียงเท่านั้นเสียงดนตรียังนำแพทกลับมาพบเจอมิตรภาพ นำวง “POWER PAT” กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมซิงเกิลแรกในรอบ 20 ปีบอกเล่าเรื่องราวความหวังและการรอคอย

แพทเล่าว่า ขณะอยู่ในเรือนจำได้เขียนเพลงไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะที่ต้องการจะพัฒนาตัวเอง มีวันหนึ่งอยากจะเขียนเพลงให้กำลังใจคนที่รอคอยอยู่ภายนอก ไม่ว่าจะครอบครัว พี่ น้อง เพื่อน หรือแม้กระทั่งแฟนคลับ

“มันเหมือนเราไม่ได้สู้ไปคนเดียว มีบุคคลเหล่านี้ร่วมสู้ด้วย แล้วก็แน่นอนว่าเส้นทางนี้มันเหนื่อยยาก แล้วก็ต้องใช้ความอดทนมาก ผมก็อยากเขียนเพลงนี้เป็นการขอบคุณบุคคลเหล่านั้น ก็เลยออกมาเป็นเพลง ‘ต้องคำสาป’ ขึ้นมา”

ด้านเพื่อนร่วมวงเองต่างก็ยินดีกับการกลับมาของแพท แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การยินดีในชื่อเสียงอันโด่งดังที่ไหลทะลักเข้ามา แต่เป็นความยินดีที่ “ครอบครัว” ได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง

ปัณณวิช สุวัฒนานันท์ หรือ ฟ้า มือกีตาร์วง POWER PAT บอกว่า “สำหรับผมสนุกกว่าเรื่องดนตรีคือการได้มาเจอกันแล้วก็ได้มาคุยเรื่องเก่า ๆ กัน อัปเดตชีวิตที่ผ่านมาช่วง 20 ปี แล้วก็เล่าเรื่องความหลังกันเยอะมาก”

ขณะที่ วริทธิ์ธร ธนาวัฒน์ศิริ หรือ เปรม มือเบสวง POWER PAT ก็เห็นตรงกันว่า  

การรวมวงในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อนเป็นไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เป็นสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต การได้ทำเพลง ได้ออกอัลบั้ม เล่นดนตรี แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชีวิตได้ตกตะกอนแล้วทุกสิ่งอย่าง ความตื่นเต้นยังมีอยู่ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นกับชื่อเสียง

“เราตื่นเต้นที่จะได้กลับมาเล่นดนตรีกับเพื่อน ๆ ที่รู้ใจ บอกเลยว่าวงนี้น่าจะเป็นวงเดียวในชีวิตที่ผมเล่นแล้วมีความสุขที่สุด เพราะมันเกินกว่าคำว่าดนตรี มันคือคำว่ามิตรภาพ และคือในแต่ละวันที่เรามา เวลามาซ้อมดนตรี เราจะมีเรื่องแปลกใหม่ให้เจอ มีเรื่องเล่าสนุกสนานตลอด มันเป็นเคมีที่มันเข้ากันมาก สำหรับผมมันไม่ใช่แค่การเล่นดนตรีอย่างเดียว มันเหมือนครอบครัวไปแล้วครับ” เปรมบอก

ด้าน กมลชัย เข็มทอง หรือ เจี๊ยบ มือกลองวง POWER PAT บอกว่า ดีใจที่ได้กลับมาเจอทุกคนอีกครั้งหนึ่ง เหมือนได้ย้อนวัยไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

“ย้อนไปเมื่อตอนที่ได้เป็นศิลปินครั้งแรกคือ งง ๆ ว่า อ้าว นี่เป็นศิลปินแล้วเหรอ แล้วพอมาตอนนี้งงหนักกว่าเดิม เพราะมันหายไปนาน ผมก็ใช้ชีวิตนักดนตรีปกติ ก็กินข้าวข้างทางปกติ ไม่มีใครทักผม ว่าผมคือเจี๊ยบอะไร ตอนนี้ก็เจี๊ยบพาวเวอร์แพท บางทีมันก็ต้องปรับตัว” เขาบอก

ฟ้าเสริมว่า วันแรกที่จะกลับมารวมวงกัน ตอนนั้นเป็นความรู้สึกงง ๆ มากกว่า เพราะเดิมทีนัดเจอแพทเพราะอยากเจอ อยากกินข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน

“แล้วพอเขาเอ่ยปากว่า กลับมาเล่นด้วยกันมั้ย เราก็ไม่คิดมาก เราก็โอเค พร้อมลุย เพราะว่า ผมก็ติดตามเขาทางทีวี ก็เห็นเขามีเพลงที่เขาแต่งไว้เยอะ แล้วพอฟังเพลงที่เขาแต่ง เราชอบทันทีเลย เพราะว่าเพลงเขามันมีความหมาย มันไม่ได้เป็นเพลงความรักทั่วไป มันเป็นเพลงที่แฝงแง่คิด แฝงปรัชญา ซึ่งผมก็ชอบแนวนี้อยู่แล้ว เราก็ไม่ลังเลที่จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง” ฟ้ากล่าว

แพทบอกว่า การได้กลับมารวมวงทำเพลงเป็นภาพความฝันตลอดมา ตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้วเขาก็มีภาพนี้อยู่ในหัวตลอดเวลา แล้ววันนี้เหมือนฝันกลับมาเป็นจริง

“หลังจากนี้ผมอยากจะดูแลครอบครัว อยากอยู่กับครอบครัว ใช้เวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็ทำงานที่รัก การเล่นดนตรี หรืออะไรที่เกี่ยวกับดนตรี จะทำไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะทำเพลง ทำเบื้องหลัง เล่นกีตาร์ หรือต่อไปจะมีช่องยูทูบ มันก็จะวนเวียนอยู่กับดนตรีนี่แหละ มันเป็นตัวตนของเรา” แพทบอก

ในวันนี้แพทหลุดพ้นคำสาปกลับออกมาพบกับแสงสว่างอีกครั้ง ผ่านการรักษาจิตใจตัวเองด้วยความสุขเล็ก ๆ ที่พอจะหาได้ แต่ยังมีอีกหลายคน ที่ยังหลงอยู่ในวังวนอันดำมืด และมีอีกหลายคน ที่กำลังก้าวเข้าไปสู่โลกที่ควรหลีกเลี่ยง

“ผมว่าอยากจะให้คิดให้ดี กลับตัวกลับใจก็ยังทัน ถ้าปล่อยให้มันเลยเถิดแล้วพลาดไปแล้ว มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างคุณก็ต้องยอมรับชะตากรรม แล้วความสูญเสียต่าง ๆ ที่มันตามมามันมหาศาลในแบบที่คุณไม่คาดคิดเลยว่า คุณจะต้องเจออะไรบ้าง”

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ