สมุทรปราการวุ่น! พบพนักงานโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ ติดเชื้อโควิด 142 ราย
ฉีด-ไม่ฉีด? เสียงสะท้อนจากประชาชนระบบสมัครใจ ตามกลไกภาครัฐ
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวและโลกออนไลน์เผยแพร่เรื่องราวของนางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 บ้านหามแห ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ที่สอบติดแพทย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่ฐานะทางบ้านยากจน พ่อปลูกพืชผักขาย โดยมีการเปิดรับบริจาคผ่านบัญชีธนาคาร
จนกระทั่งนายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบมีผู้ใจบุญบริจาครวมจำนวนเงินกว่า 2,700,000 บาท และได้ปิดรับบริจาคไปแล้ว เนื่องจากเพียงพอสำหรับการเรียนแพทย์แล้วนั้นตั้งใจของน้องโวลต์
ทั้งนี้ต่อมาเรื่องดังกล่าวกลับกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากในโลกออน์ไลน์มีการจับผิดภาพจากคลิปวีดีโอต่าง ๆ ของน้องโวลต์ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยเห็นไอแพดโปร ซึ่งมีราคากว่า 25,000 บาท นอกจากนี้ยังมีแอปเปิ้ล เพนซิล ขวดน้ำหอมดิออร์ รถยนต์ อินเทอร์เน็ตไว และการจัดฟัน จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่าจนจริงหรือไม่ กระทั่งมีข้อความ “จนทิพย์”เป็นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ มีการพูดคุยกันมากว่า 2 แสนครั้ง รวมทั้งโลกออนไลน์มีการพูดคุยกันจำนวนมาก
ล่าสุดวันนี้ นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและให้เข้าเยี่ยมครอบครัวนางสาวณัฐวดี อีกครั้ง หลังมีกระแสดราม่า โดยพบครอบครัวน้องโวลต์อาศัยอยู่บ้านพัก ลักษณะเพิงหมาแหงนมุงสังกะสี ปลูกสร้างอยู่กลางสวนท้ายหมู่บ้านเหมือนเดิม โดยน้องโวลต์ พร้อมด้วยนายธนวุฒิ เหล่าบุบผา อายุ 53 ปี พ่อน้องโวลต์ และครอบครัว รอให้ข้อมูล
น้องโวลต์ เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณผู้ใจบุญที่ช่วยกันบริจาคเงินให้กับตนทุกท่าน ไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใจบุญบริจาคเงินจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งยืนยันว่าจะนำไปเป็นทุนการศึกษาในการเรียนแพทย์ เพราะอยากเป็นหมอมารักษาคน และจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ส่วนกรณีมีกระแสดราม่า #จนทิพย์ บอกว่าครอบครัวของตนไม่จนจริงนั้น ที่จริงแล้วไม่อยากพูด แต่เมื่อมีกระแสมีก็พร้อมที่จะชี้แจงทุกอย่าง
โดยเฉพาะเรื่องการจัดฟัน ตนทำงานพาทไทม์หลังเลิกเรียนหารายได้พิเศษมาตั้งแต่ ม.3 ซึ่งตอนนั้นฟันมีปัญหาได้ไปพบแพทย์แนะนำให้จัดฟันและรักษาไปด้วยเริ่มทำตอนม.4 ตอนนั้นพอมีเงินเก็บจากการทำงานจึงตัดสินใจรักษา
เรื่องที่ 2 ไอแพด ตนทำงานเก็บพาทไทม์เช่นกัน พยายามเก็บหอมรอมริบประมาณ 1 ปีเศษ จึงซื้อมาใช้เพื่อค้นคว้าข้อมูลในการเรียน ส่วนอินเตอร์เน็ตไวไฟก็เป็นของพี่ชายที่ติดตั้งไว้ทำงานมีค่ารายเดือน 600 บาท พี่ชายเป็นคนชำระ
สำหรับกรณีน้ำหอมนั้น ซื้อมาในอินเทอร์เน็ตมือสอง ราคา 300 บาท มีน้ำหอมเหลือก้นขวด เอามาตั้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้
ส่วนรถยนต์นั้น ไม่ใช่ของครอบครัวตน เป็นรถยนต์ของน้า ซื้อให้ลูกสะใภ้ใช้ ซึ่งหลังเกิดกระแสครั้งนี้ก็รู้สึกเสียใจ เพราะสิ่งที่พูดไปนั้นเป็นความจริง ครอบครัวยากจนจริง ๆ ตนต้องทำงานหาเงินเรียนมาตั้งแต่ ม.3 ไม่อยากขอเงินพ่อ แม่อย่างเดียว และอยากให้ครอบครัวดีขึ้น กระทั่งมีความสนใจอยากเรียนแพทย์และอยากเป็นหมอ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ปิดบัญชีแล้ว และยืนยันว่าจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด
ด้านนายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบล่าสุดสอบครอบครัวนี้ค่อนข้างยากจน พ่อปลูกผักขาย ส่วนแม่ไม่มีอาชีพ ขณะที่น้องโวลต์นั้นก็เป็นเด็กเรียนเก่งขยัน อย่างไรก็ตามล่าสุดพบว่ามีผู้บริจาคเข้ามา รวมจำนวน 3,795,000 บาท ซึ่งขณะนี้ได้ปิดรับจาคและปิดบัญชีแล้ว โดยเบื้องต้นได้ให้น้องไปทำแผนค่าใช้จ่ายเรียนแพทย์ 6 ปีมาว่า มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และจะตั้งเป็นคณะกรรมการและที่ปรึกษาในการเบิกไปใช้จ่าย ส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้แยกบัญชีออกมาเป็นทุนไว้เรียนต่อแพทย์เฉพาะทางต่อไป เพื่อให้เงินบริจาคเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ใจบุญและความตั้งใจของน้องโวลต์
ก่อนหน้านี้เคยเกิดเคสกรณี คนแห่บริจารเงินช่วยเหลือ เนื่องจากเห็นว่าชีวิตลำบากยากจน ก่อนที่ต่อมาจะพบว่าไม่ได้ยากจนจริงตามที่กล่าวอ้างไว้
"ลุงแท็กซี่" ชีวิตสุดลำเค็ญ คนแห่บริจาคคืนเดียว 8 ล้าน แต่คดีพลิกถูกแฉจนไม่จริง
กรณี ลุงแท็กซี่รายหนึ่งวัย 72 ปี ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งขาดรายได้ไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ จึงต้องปรับตัวขับรถส่งพัสดุเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง และใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ก่อนที่จะมีนักข่าวมาพบ และสัมภาษณ์ กลายเป็นกระแสโด่งดังในชั่วข้ามคืน จนทำให้มีผู้แห่บริจาคช่วยเหลือกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งต่อมา ลุงแท็กซี่ ได้กล่าวขอบคุณผ่านสื่อสำหรับเงินบริจาค โดยจะนำเงินบางส่วนไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลด้วย
แต่ต่อมามีเจ้าของอู่รถรายหนึ่ง ออกมาแฉว่าลุงแท็กซี่ ค้างค่าเช่ารถกว่า 1 หมื่นบาท ไม่สามารถติดต่อได้ และแฉอีกว่าลุงแท็กซี่ ไม่ได้ยากจน และอาศัยอยู่กับครอบครอบไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวตามที่บอกสื่อ
จนกระทั่ง เพจเฟซบุ๊ก "ที่นี่สมุทรปราการ" นำหลักฐานโพสต์โชว์ยืนยันว่า ลุงแท็กซี่คนดังกล่าว ได้แบ่งเงินนำไปบริจาคตามมูลนิธิต่าง ๆ จำนวน 4 แสนบาท ตามที่สัญญาไว้แล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่มีใครตามตัวลุงแท็กซี่ได้อีก
เจ้าของอู่ทวงค่าเช่าลุงแท็กซี่รับ 8 ล้าน เผยแท้จริงไม่ได้ยากไร้
หนุ่มโพสต์ขอรับบริจาคเงินรักษาลูก แต่โป๊ะแตก ชาวเน็ตจับผิด มีบ้านหลังใหญ่ รถหลายคัน
โลกออนไลน์แห่แชร์เรื่องราวของพ่อเด็กรายหนึ่ง ที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือ ลูกถูกน้ำมันลวก เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงขอช่วยความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ
ต่อมาเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์บนโลกออนไลน์จำนวนมาก มีผู้ให้ความช่วยเหลือบริจาคเงินเกือบ 2 ล้านบาท หลังจากนั้นหนุ่มคนดังกล่าวได้ประกาศปิดรับบริจาค และโชว์ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลูก จำนวน 2 แสนบาท
หลังจากนั้นเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อมาว่าเงินบริจาคที่เหลือนำไปทำอะไรต่อ ซึ่งชาวเน็ตได้สืบค้นข้อมูลของผู้รับบริจาคพบว่า แท้จริงแล้วไม่ได้ยากจน มีบ้านหลังใหญ่โต รถยนต์หลายคัน รวมถึงรถจักรยานยนต์หรู จึงมีการทวงถามว่าเงินที่เหลือนำไปทำอะไรต่อ บางส่วนก็ทวงขอเงินบริจาคคืน
ซึ่งต่อมาชายคนดังกล่าวจึงนำเงิน 2 ล้านบาท ไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราช และยืนยันว่าไม่ได้นำเงินบริจาคมาใช้ส่วนตัวแต่อย่างใด
โซเชียลจับพิรุธพ่อรับบริจาคลูกโดนน้ำมันลวก