ชาวม่อนแจ่มมีลุ้น หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง 19 รีสอร์ตรุกป่า


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ชาวม่อนแจ่มมีลุ้น หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง 19 คดี รีสอร์ทรุกป่า ชี้ไม่มีเจตนา ด้านผู้ว่าฯ หารือเครียด เตรียมทำความเห็นแย้ง

ความคืบหน้ากรณีการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม (ม่อนแจ่ม และพื้นที่ใกล้เคียง) ตำบลโป่งแยง ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการครอบครองใช้ประโยชน์ผิดวัตถุประสงค์ด้วยการทำเป็นรีสอร์ตโรงแรมที่พักนั้น รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อัยการจังหวัดเชียงใหม่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีรีสอร์ตที่พักม่อนแจ่มบุกรุกป่าสงวน 19 คดี จากที่มีสำนวนอยู่ที่พนักงานอัยการ 28 คดี 

กรมป่าไม้ พบรีสอร์ตเขาค้อ ต่อเติม-ขยายเพิ่ม เป็นหลักฐานเอาผิดรุกป่าสงวนฯ

ต่างชาติร้องเรียน "อธิบดีกรมป่าไม้" ถูกหลอกขายบ้านกลางป่า

โดยมีความเห็นว่าผู้ประกอบการรีสอร์ตขาดเจตนาในการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และมีคำสั่ง คสช. ที่ 6/2562 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผ่อนผันให้ผู้ที่ประกอบกิจการโรงแรมที่ไม่ได้รับการอนุญาตสามารถยื่นขออนุญาตภายหลังได้ 

โดยตามรายงานข่าวระบุว่า การที่อัยการจังหวัดเชียงใหม่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวนี้ ก่อให้เกิดความไม่สบายใจและบั่นทอนกำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก พร้อมกับเกิดคำถามว่าหากเป็นเช่นนี้จะสามารถแก้ปัญหาการทำผิดกฎหมายและบุกรุกพื้นที่ป่าม่อนแจ่มได้อย่างไร

ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวรายงานข่าวแจ้งว่า นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีม่อนแจ่ม ได้ร่วมประชุมสรุปปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาเนื่องจากพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี ม่อนแจ่ม 19 คดีจากที่มีสำนวนอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ 28 คดี ซึ่งพนักงานอัยการระบุในความเห็นสั่งไม่ฟ้องว่า เนื่องจากเห็นว่าผู้ประกอบการรีสอร์ตขาดเจตนาในการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และมีคำสั่ง คสช. ที่ 6/2562 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผ่อนผันให้ผู้ที่ประกอบกิจการโรงแรมที่ไม่ได้รับการอนุญาตสามารถยื่นขออนุญาตภายหลังได้ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 ประสานข้อมูลเอกสารพยานหลักฐานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบอย่างใกล้ชิดเพื่อทำความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ ให้อัยการสูงสุดชี้ขาด

ขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในการประชุมดังกล่าว ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) แจ้งในการประชุมว่าการอ้างเหตุความไม่รู้ข้อกฏหมาย ข้อเท็จจริงต่างๆ ของผู้ครอบครองพื้นที่ เพื่อให้พ้นจากข้อกล่าวหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของผู้ประกอบการรีสอร์ตม่อนแจ่มนั้น ไม่สามารถรับฟังได้ เนื่องจากรีสอร์ตที่ถูกดำเนินคดีทั้งหมดมีความผิดชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มาเปรียบกับพื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์จริงในปัจจุบันพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างชัดเจน และหลายรายมีการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินจากราษฏรชาวไทยภูเขาในไปสู่นายทุนต่างชาติ และเมื่อทำการตรวจสอบในเชิงลึกพบว่ามีลงทุนทำกิจการโดยอาศัยนอมีนีและมีการขยายพื้นที่บุกรุกเพิ่มเติมจากพื้นที่เดิม

นอกจากนี้ในส่วนคำสั่ง คสช ที่ 6/2562  ว่าด้วยเรื่องการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการรีสอร์ต โรงแรมที่ดำเนินการมิชอบด้วยกฏหมายนั้น หากดูในรายละเอียดจะเห็นว่าวัตถุประสงค์ของคำสั่งฯ ดังกล่าว มีการระบุไว้ชัดเจนว่าให้บังคับใช้ในพื้นที่ที่เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายเท่านั้น เช่น ข้อ 2 (2) ระบุว่า บังคับใช้กับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ฝ่าฝืนใช้ประโยชน์ที่ดินผิดไปจากที่ได้กำหนดไว้ในผังเมืองรวมหรือปฏิบัติการใดๆ ซึ่งขัดกับข้อกำหนดของผังเมืองรวมตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. การผังเมือง พ.ศ. 2518 ซึ่งพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติไม่อยู่ในพื้นที่ผังเมือง จึงไม่ใช่เหตุที่จะนำคำสั่ง คสช. ที่ 6/2562 มาบังคับใช้ในกรณีนี้ได้

ขณะที่ พลตำรวจตรี บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีที่อัยการจังหวัดเชียงใหม่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีรีสอร์ทที่พักม่อนแจ่มบุกรุกป่าสงวนว่า ตำรวจภูธรภาค 5 มีการประชุมคณะทำงานด้านกฎหมายและพนักงานสอบสวนที่ดูแลรับผิดชอบคดีดังกล่าวแล้ว พร้อมเตรียมจัดทำหนังสือความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดต่อไป ซึ่งการทำความเห็นของทางตำรวจภาค5นั้น เป็นการแย้งความเห็นของพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ในทุกกรณีของคดีดังกล่าว

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ