เช็ก!! นานาชาติ เจอมรสุมโควิด-19 อย่างสาหัส แต่ยอมไม่ "ล็อกดาวน์"


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เปิดข้อมูลรับมือโควิด-19 ในหลายประเทศ ยอมกัดฟันไม่ล็อกดาวน์แม้ระบาดหนัก

มาตรการล็อกดาวน์ หรือการปิดเมือง ปิดประเทศ เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่แทบทุกประเทศทั่วโลก เลือกใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่สำหรับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ที่ยังไม่มีวี่แววว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ การใช้มาตรการล็อกดาวน์ อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก เนื่องจากทุกประเทศต่างก็บอบช้ำจากผลกระทบที่เกิดกับภาวะเศรษฐกิจ ทำให้มีบางประเทศ เลือกที่จะปรับตัว และหาหนทางหรือมาตรการอื่นๆ เพื่อรับมือสถานการณ์แทนการล็อกดาวน์ 

ไม่หวั่นโควิด-19 หลายรัฐในสหรัฐฯ ทยอยปลดคำสั่งล็อกดาวน์

หมอ แนะล็อกดาวน์ ชี้ตัวเลขติดเชื้อที่แท้จริงอาจจะมากกว่านี้ถึง 2 เท่า

ศบค.ชุดใหญ่เคาะล็อกดาวน์บางพื้นที่ ตรงใจ 40 ซีอีโอหนุนงดเคลื่อนย้ายคน

แล้วมีประเทศไหนบางที่เลือกแนวทางนี้ และอะไรเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดโดยไม่ล็อกดาวน์?

สิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่ประกาศชัดเจนว่า จะต้องปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับโรคโควิด-19 โดยเปิดประเทศให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ และไม่ต้องล็อกดาวน์แม้จะยังมีการแพร่ระบาดอยู่ ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ ด้วยการเปลี่ยนมุมคิดว่า โรคโควิด-19 นั้นจะไม่มีวันหายไป และเราสามารถทำให้มันกลายเป็นภัยคุกคามที่ดูเล็กน้อยลงได้ เหมือนไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก หรืออีสุกอีใส

อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์เปลี่ยนมุมคิดนี้ได้ คือการฉีดเร่งวัคซีน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสิงคโปร์ตั้งเป้าว่าควรฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เกิน 80% เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะที่ปัจจุบัน มีชาวสิงคโปร์ 2 ใน 3 ที่ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว และรัฐบาลตั้งเป้าให้ประชาชน 2 ใน 3 รับวัคซีนครบ 2 โดสภายในวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันชาติ

 

อังกฤษ

อังกฤษตั้งใจจะยุติการล็อกดาวน์ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ แม้ว่าสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 จะกลับมารุนแรง โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มจากวันละประมาณ 2,000 คนในเดือนพฤษภาคม มาเป็นกว่า 32,000 คน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม

โดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ยืนยันแผนยกเลิกการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ซึ่งรวมทั้งยกเลิกบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและการรักษาระยะห่าง ยกเลิกจำกัดการรวมกลุ่ม ยกเลิกข้อแนะนำให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน ตลอดจนอนุญาตให้เปิดสถานประกอบธุรกิจต่างๆ รวมถึงไนท์คลับและสถานบันเทิง และอนุญาตให้จัดงานอีเวนต์ คอนเสิร์ตหรือการแข่งขันกีฬาใหญ่ๆ ได้โดยไม่จำกัดจำนวนคน

สำหรับกุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้นำอังกฤษมั่นใจในการยุติล็อกดาวน์ แม้ตัวเลขการระบาดยังพุ่งสูง เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนในปัจจุบันที่ค่อนข้างทำได้รวดเร็ว โดยประชากรผู้ใหญ่ของอังกฤษอย่างน้อย 86% ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรกแล้ว และ 64% ได้รับครบทั้ง 2 โดส ทำให้รัฐบาลอังกฤษมั่นใจว่าจะรับมือการระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะสายพันธุ์อัลฟา หรือเดลตา เนื่องจากวัคซีนที่ใช้สามารถลดอาการป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ และลดจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลหรือไอซียูได้ โดยเฉพาะหลังจากที่ฉีดครบ 2 โดส
 

เนเธอร์แลนด์

สำหรับเนเธอร์แลนด์นั้น ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สถานการณ์ระบาดบรรเทาลง จนทำให้รัฐบาลตัดสินใจยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ส่วนใหญ่ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ภายหลังจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และมีประชากรฉีดวัคซีนโดสแรกแล้วกว่า 2 ใน 3 และกว่า 1 ใน 3 หรือประมาณ 38% ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

แต่หลังจากที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีกลับมาเปิดอีกครั้ง พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 เท่า หรือมากถึง 8,000 คน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลต้องพิจารณามาตรการรับมือการระบาดอีกครั้ง

ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลเนเธอร์แลนด์ จะไม่หันกลับไปใช้การล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดอีก แต่จะใช้เพียงบางมาตรการป้องกันการระบาด โดยมุ่งเน้นไปที่ร้านอาหาร ไนท์คลับ บาร์และร้านกาแฟ ที่เป็นจุดแพร่ระบาดหลักรอบนี้ เช่น การให้ร้านอาหารเข้มงวดในการตรวจสอบลูกค้าที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เพื่อสามารถเข้าใช้บริการได้โดยไม่ต้องรักษาระยะห่าง ตามระบบ test for entry ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขเนเธอร์แลนด์ เตรียมเสนอให้มีการเว้นระยะ 14 วันหลังฉีดวัคซีน ก่อนที่ประชาชนจะสามารถเข้าใช้บริการในร้านอาหารได้
 

สเปน

สเปนเป็นอีกประเทศในกลุ่มอียู ที่การระบาดของโควิด-19 ยังคงรุนแรง โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทะลุ 10,000 คนต่อวัน

แต่รัฐบาลสเปน เลือกที่จะไม่ล็อกดาวน์ป้องกันการระบาด และอนุญาตให้เปิดร้านค้า บาร์ ร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์ได้ แต่เข้มงวดในการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ซึ่งไนท์คลับและสถานบันเทิงยามราตรี สามารถเปิดได้ในพื้นที่ ที่มีอัตราการระบาดต่ำ โดยที่บาร์เซโลนา มีการจำกัดจำนวนลูกค้าเข้าร้านไม่เกิน 50% และพนักงานในร้านต้องสวมหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ ประชาชนชาวสเปนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วมากกว่า 40% ซึ่งความมั่นใจในการควบคุมสถานการณ์ระบาด ทำให้รัฐบาลสเปน ประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วตั้งแต่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งนักเดินทางจากชาติยุโรปส่วนใหญ๋ ยังต้องแสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเข้าประเทศ
 

เร่งฉีดวัคซีนคือกุญแจสำคัญ

จากข้อมูลของประเทศเหล่านี้ จะเห็นว่ากุญแจสำคัญในการรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดได้โดยไม่ต้องกลับไปใช้การล็อกดาวน์ คือการเร่งปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีครึ่ง แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการล็อกดาวน์นั้นเป็นเพียงมาตรการควบคุมการระบาดได้เพียงชั่วคราว โดยทางออกของวิกฤตคือการระดมฉีดวัคซีน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่หรือมากพอที่จะทำให้ประชาชนไม่ป่วยหนักหรือเสียชีวิต

ขณะที่สิ่งที่น่ากลัวจากการล็อกดาวน์ คือภาวะเศรษฐกิจที่อาจทรุดหนักลงไปอีก ทำให้ประชาชนที่ประสบความลำบากอยู่แล้ว ยิ่งเผชิญความลำบากมากขึ้น

คอนเทนต์แนะนำ
WHO ยืนยันไม่ได้ปกปิดข้อมูล โควิด-19

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ