เปิดใจ ลูกบ้านคอนโดฯ “แอชตัน อโศก” รับยังช็อก ไม่เคยรู้เรื่องคดี


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ "แอชตัน อโศก" คอนโดฯหรูของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ล่าสุดบริษัทแถลงข่าวยืนยันว่าจะใช้สิทธิอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด ขณะที่ลูกบ้าน เผยยังช็อก เพราะยังไม่รู้อนาคตตนเอง

ศาลเพิกถอน น.ส.3 ก."เดอะ พีค เรสซิเดนซ์

บ.วีรันดา ยืนยัน รร.เวอโซ หัวหิน สร้างบนที่ดินมีโฉนด

เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2564 ทีมข่าว PPTV ได้พูดคุยกับหนึ่งในลูกบ้านโครงการ “แอชตัน อโศก” เปิดเผยว่า ยังรู้สึกช็อกและไม่ทันตั้งตัวกับคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ เพราะคำพิพากษาเกิดขึ้นหลังจากตัวเองซื้อคอนโดฯดังกล่าวและเข้ามาอยู่ได้เกือบ 2 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้ ไม่เคยทราบเรื่องคดีความ และไม่มีสัญญาณใด ๆ ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งหลังจากมีคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ทราบว่าทางโครงการเตรียมยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด


 

แต่ยังไม่มีแนวทางดูแลลูกบ้านในเชิงปฏิบัติอย่างชัดเจน ส่วนตัวจึงได้แต่หวังว่าท้ายที่สุดคดีจะสิ้นสุดลงโดยที่เขาและลูกบ้าน 600-800 คน ยังมีบ้านอยู่โดยถูกต้องตามกฎหมาย  

ขณะที่นาย ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า กระบวนการขอใบอนุญาตและก่อสร้างโครงการ “แอชตัน อโศก” ทั้งหมด ทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยการเช่าที่ รฟม. ทำเป็นทางเข้าออกตามแนวคิดการใช้ที่ดินส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน และก่อนทำสัญญากับ รฟม. มีการศึกษาข้อมูล พบว่า “แอชตัน อโศก” ไม่ใช่รายแรกที่ใช้ทางเข้า-ออกของ รฟม. นอกจากนี้ การขออนุมัติใบอนุญาตต่าง ๆ ทุกขั้นตอนถูกต้องตามกฎระเบียบและข้อบังคับของภาครัฐ และผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากส่วนงานราชการที่เกี่ยวข้อง จึงมองว่าการที่ศาลปกครองกลางพิพากษาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ ถือเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างมาก พร้อมยืนยันว่าบริษัทฯ รับรู้ความทุกข์ใจของลูกบ้าน จำนวน 578 ครอบครัว และจะสู้อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยจะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลปกครองสูงสุด

สำหรับข้อพิพาทสำคัญที่นำมาสู่คำพิพากษาศาลปกครองกลางของโครงการ “แอชตัน อโศก” คือ ทางเข้าออกของโครงการ ซึ่งมีอยู่ 2 ทาง ทางแรกอยู่ในซอยเล็กๆ ความกว้าง 2-3 เมตร ที่สามารถทะลุไปด้านหลังซอยสุขุมวิท 19

ขณะที่ทางหลักอยู่ติดถนนอโศกมนตรี ความกว้าง 13 เมตร ซึ่งดูจากสายตาเหมือนจะไม่ขัดกับกฎกระทรวงออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่ระบุว่า ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษขนาดนี้ จะต้องมีด้านหนึ่งด้านใดของที่ดินนั้นยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร

แต่ประเด็นที่นำมาสู่คำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพราะที่ดินทางเข้าหลักนี้ ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของ บมจ.อนันดาฯ ทั้งหมด แต่มีบางส่วนเป็นของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ซึ่งแม้จะทำสัญญากับ บมจ.อนันดาฯ อนุญาตให้ใช้เป็นทางเข้าออกโครงการ โดยคิดค่าทดแทนการใช้พื้นที่เป็นเงินกว่า 97 ล้านบาท แต่จุดประสงค์การให้ใช้ทางเข้าออก ให้ประโยชน์ทางธุรกิจกับโครงการ แต่ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าใช้พื้นที่ จึงไม่นับว่าทางเข้าออกนี้เป็น “ถนนสาธารณะ” เท่ากับว่าโครงการ “แอชตัน” อโศก” ไม่มีพื้นที่ด้านใดที่ยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะเลย

ล่าสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีในนามสมาคมฯ ระบุว่า  การฟ้องคดีโครงการ “แอชตัน อโศก” ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องทางเข้าออก แต่ยังมีกรณีกล่าวหาว่าก่อสร้างบนพื้นที่สาธารณะ และจัดทำ EIA มิชอบด้วยกฎหมาย  โดยเตรียมยื่นเรื่องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับ 2 ประเด็นนี้   ทั้งในส่วนของผู้ว่าฯกทม.  สภาสถาปนิก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  รวมถึง ป.ป.ช.

โดยมองว่าคดีนี้เป็นคดีตัวอย่างเพราะหลังจากที่ตัวเองยื่นฟ้องในปี 2559 แต่เจ้าของโครงการไม่ได้หยุดดำเนินการ ยังคงก่อสร้างตามปกติจนก่อสร้างเสร็จและเปิดให้เช่าซื้อ

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ