สเตทเม้นธนาคารแห่งหนึ่งของนาย สัญชัย ศรสิทธิ์ หนึ่งในผู้เสียหาย แสดงรายการชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตร (EDC) ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน โดยยอดแรกถูกถอน 17 บาท เวลา 01.00 น.จากนั้นเงินทยอยถูกถอนออกจากบัญชีต่อเนื่องจนถึงวันที่ 6 ตุลาคม ส่วนใหญ่ ถูกโอนออกไปครั้งละ 86 บาท 72 สตางค์
นายสัญชัย เล่าว่า พบความผิดปกติในบัญชีธนาคาร เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ระหว่างกำลังเข้าแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์มือถือ เพื่อโอนเงินชำระค่าสินค้า
เปิดคลิปโวยโดนดูดเงินออกจากบัญชี
เงินหายจากบัญชี บัตรเครดิต - เดบิตถูกแฮก ติดต่อคอลเซ็นเตอร์แบงก์ขอเงินคืน นายกฯจี้แก้ปัญหา
แต่พบว่า มีการโอนเงินออกไปจำนวนมาก ตอนแรกรู้สึกตกใจ จึงรีบแจ้งให้ธนาคารอายัดบัตรเอทีเอ็มและระงับการทำรายการ นับรวมทั้งหมดเงินถูกโอนออกไป 639 รายการ คิดเป็นเงิน 38,767 บาท
นายสัญชัย บอกว่า บัญชีธนาคารนี้ เป็นบัญชีเงินเก็บ ใช้สำหรับจ่ายค่าเทอมให้ลูก จ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าผ่อนชำระต่างๆ หลังเกิดเหตุ ยอมรับว่า รู้สึกไม่มั่นใจในระบบของธนาคาร เพราะหลังเดินเรื่องขอเงินคืน ส่วนตัวเขารู้สึกว่าเหมือนถูกทุกฝ่ายผลักภาระให้ติดตามหาตัวคนทำผิดเอง
นายสัญชัย โชว์เอกสารการเข้าลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ เมื่อเช้านี้ ให้ทีมข่าวดู พร้อมบอกว่า ตำรวจยังไม่รับแจ้งความ เพราะ บัญชีธนาคารที่ถูกลักลอบถอนเงิน เปิดในพื้นที่รับผิดชอบของ สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี พรุ่งนี้(19ต.ค.) จึงต้องไปแจ้งความใหม่
ผู้เสียหายอีกคนที่พูดคุยกับทีมข่าว คือ น.ส.วริยา บุญตัน ชาวจังหวัดเชียงราย เธอเป็นคนไปเปิดทำโพลในกลุ่มเฟซบุ๊ก ชื่อ กลุ่มแชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว ที่ตอนนี้มียอดคนเข้าเป็นสมาชิกมากกว่า 60,000 คน ทั้งที่กลุ่มนี้เพิ่มเปิดขึ้นได้แค่ 3 วัน
น.ส.วริยา บอกว่า เธอทำโพลสำรวจว่ามีใครดำเนินคดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง เบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียหายมากกว่า 450 คน ที่ติดต่อกับธนาคารแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินคืน เธอบอกอีกว่า เท่าที่พูดคุยกับเพื่อนที่เป็นผู้เสียหายด้วยกัน เชื่อว่า ยังมีประชาชนอีกมากที่ยังไม่รู้ตัวว่า เงินหายไปจากบัญชีธนาคาร
มีการแชร์ข้อมูลในกลุ่มเฟซบุ๊กแชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว เล่าประสบการณ์การโดนดูดเงิน หลักๆมี 4 รูปแบบ คือ ผู้บัตรเครดิตธนาคารไว้กับสายการบิน ทำให้ข้อมูลรั่วไหล มีการแนะนำว่าหากเป็นแบบนี้ให้แจ้งยกเลิก
อีกแบบ คือ ถูกหักเงินค่าโฆษณาเฟซบุ๊ก กลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มที่เป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก และ น่าจะเคยผูกบัตรเครดิตกับเฟซบุ๊ก ส่วนกลุ่มที่โดนดูดเงินมากที่สุด คือ กลุ่มที่โดนหักจากร้านค้าออนไลน์ เพราะ ผูกบัตรเครดิตกับการจ่ายเงินออนไลน์
อีกอันคือ ถูกดูดเพราะข้อมูลรั่วไหล เช่น อาจถูกจดเลขหลังบัตรเครดิต หรือ ในคอมพิวเตอร์ถูกมัลแวร์เล่นงาน