นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ปัญหาเรื่อง SMS ก่อกวน เช่น หลอกลวง กู้เงิน เว็บพนัน และอนาจาร โดยทาง กสทช. ออกประกาศให้ค่ายมือถือบล็อกนั้น
กสทช.สั่งค่ายมือถือ บล็อกSMSหลอกลวงทันที
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จี้ กสทช.เอาผิดค่ายมือถือ ปล่อยเว็บพนัน-สินเชื่อ ส่งข้อความSMS-โทรก่อกวน
ขณะนี้ผู้บริโภคยังพบปัญหาเรื่องนี้มาตลอด มีผู้บริโภคเข้ามาร้องเรียนที่มูลนิธิฯ เฉลี่ยวันละ 100 ราย นับตั้งแต่วันที่ไปเข้าพบรองเลขาฯ กสทช. ทำให้มีผู้ร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด 2,039 รายในช่วง 1 เดือน หลัง กสทช.ออกประกาศ
ทั้งยังพบปัญหาเบอร์ Call Center รับเรื่องร้องเรียนของแต่ละค่ายมือถือ ซึ่งหมายเลข Call Center ของแต่ละค่ายมือถือที่ไม่เสียค่าบริการเป็นโทรศัพท์พื้นฐาน
เมื่อผู้บริโภคสอบถามเรื่องการแก้ไขปัญหา SMS กู้เงินออนไลน์ เจ้าหน้าที่รับสายให้โทรไปที่หมายเลข 4 หลัก ซึ่งเป็นเบอร์ที่เสียค่าบริการเหมือนเดิม เบอร์โทรฟรีของค่ายมือถือจึงไม่สามารถช่วยเหลือรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนได้ดีเท่าที่ควร เป็นอีกปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข
โดยก่อนหน้านี้หลังจากได้ยื่นหนังสือ ทาง กสทช. เคยแจ้งว่าจะรีบจัดประชุมหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด แต่จนตอนนี้ผ่านมา 30 วันแล้วนับตั้งแต่ออกคำสั่งให้บล็อก SMS ก็ยังไม่เห็นข้อสรุปของบทบาทหน่วยงานรัฐว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร
ดังนั้น จึงขอให้ กสทช. ออกมาชี้แจงต่อประชาชนถึงสาเหตุที่ยังไม่สามารถระงับการส่ง SMS หรือโทรศัพท์รบกวนได้ และยังไม่ดำเนินการลงโทษกับค่ายมือถือด้วย รวมถึงค่ายมือถือต้องออกมาชี้แจงสังคมด้วยว่าทำไม SMS เหล่านี้ถึงส่งมาได้ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาต และผู้ผลิตเนื้อหาเอาข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ผู้บริโภคมาจากไหน
รู้ทันมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน จาก SMS สู่การโทรหลอกลวง
คิดก่อนกด “แอปเงินกู้ปลอม” ถ้าไม่อยากตกเป็นเหยื่อ แนะวิธีป้องกัน
ปัญหาที่ยังคงพบอยู่ต่อเนื่องนี้เกิดจากการที่ กสทช. ยังไม่บังคับใช้กฎหมายกับค่ายมือถือที่ปล่อยปละละเลยให้มี SMS หรือหรือโทรศัพท์ ส่งเข้าในระบบมือถือของผู้บริโภคโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังไม่มีคำสั่งลงโทษจึงทำให้ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ฉะนั้นตามกฎหมาย กสทช. สามารถระงับการเอาเปรียบผู้บริโภคของผู้ประกอบการได้โดยทันที และเมื่อไม่ปฏิบัติตาม ให้ลงโทษปรับไม่เกิน 5 ล้านบาท และวันละไม่เกิน 100,000 บาทจนกว่าจะแก้ไขเสร็จ แต่ขณะนี้ประชาชนยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว