วันนี้ 13พ.ย. 2564 นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งการเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อติดตามสถานการณ์และพร้อมเข้าปฏิบัติหน้าที่คลี่คลายสถานการณ์หากเกิดภัย โดยเน้นย้ำประชาชนต้องปลอดภัย ลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมกันนี้ได้แจ้งเตือนให้มีการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง โดยให้ทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง
กู้ภัยช่วยเด็ก 5 เดือน หลังตลาดสวีท่วมหนัก
คมนาคม สั่งเร่งติดป้ายเตือน-แนะเลี่ยงเส้นทาง ชุมพรน้ำท่วมสูง ปิดถนนสายเอเชีย 41
โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก บริเวณที่ลาดเชิงเขาและการเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณคลองท่าดีและคลองชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า จากข้อมูลปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2,701 มม. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 11 พ.ย. 2564 ประมาณ 1,466 มม.ปริมาณน้ำฝนคงเหลือ (12 พ.ย. - ธค. 64) อยู่ที่ประมาณ 1,235 มม. ซึ่งหากปริมาณดังกล่าวมีการตกสะสมในระยะเวลาเดียวกันจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่ อย่างไรก็ตามจากสรุปสถานการณ์น้ำตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมาถึงขณะนี้ ได้เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำในอำเภอต่างๆ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้เข้าให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งนี้นอกจากพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย 10 จุด คือ
บ้านเนินธัมมัง ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ ,ชุมชนบ้านบางนกวัก ตำบลสวนหลวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ,บ้านแสงวิมาน ตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง ,บ้านบางศาลา ตำบลบางศาลา อำเภอปากพนัง ,พื้นที่เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ,บ้านท่าซัก ตำบลท่าชัก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ,บริเวณสนามบินนครศรีธรรมราช ,บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงสาขาวิทยาบริการเฉลิมพระเกียรติ อำเภอพระพรหม ,บริเวณคลองชะอวดแพรกเมือง อำเภอชะอวด และพื้นที่เขตเทศบาลเมืองทุ่งสง อำเภอทุ่งสง แล้วยังได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อติดตามคลี่คลายสถานการณ์กรณีเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก น้ำระบายไม่ทัน และดินโคลนถล่ม ในพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ เพื่อลดตัวเลขความเดือดร้อนเสียหาย และการแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที โดยประชาชนที่ประสบเหตุสามารถแจ้งเหตุ ความเดือดร้อน หรือขอรับความช่วยเหลือที่หมายเลขโทรศัพท์ 075 358 442 หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่ ศูนย์ติดตามฯ ภัยพิบัติด้านการเกษตร จังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานสถานการณ์ภัยพิบัติเบื้องต้น วันที่ 13 พ.ย.64 เวลา 08.30 น.พบว่า ปริมาณฝนสูงสุดอยู่ที่ อำเภอสิชล มีปริมาณฝน 121.4 มม. ส่วนสถานการณ์ในภาพรวมตั้งแต่วันที่ 10-13 พ.ย.64 เกิดอุทกภัยในพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ คืออำเภอเมืองนครศรีธรรมราช พระพรหม สิชล ร่อนพิบูลย์ และนบพิตำ รวม 10 ตำบล 17 หมู่บ้าน มีน้ำท่วมขังเล็กน้อยในพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำ อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร และอำเภอปากพนัง โดยกรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้ว 24 เครื่อง เป็นเครื่องผลักดันน้ำ 14 เครื่อง และเครื่อง Hydro Floe 6 เครื่อง ,เกษตรอำเภอ/ประมงอำเภอ/ปศุสัตว์อำเภอ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ สำรวจพื้นที่การเกษตร และให้คำแนะนำเกษตรกรให้การดูแลผลผลิต/การป้องกันกำจัดโรคในช่วงน้ำท่วม และกรมทรัพยากรน้ำ (ทน.) แจ้งข้อมูลการเตือนภัย 13 พ.ย.64 (เวลา 00.38 น.) เตือนภัยอพยพ (สีแดง) บ้านสำนักเนียน ต.เขาน้อย อ.สิชล มีปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 143.0 มิลลิเมตร ปัจจุบันยังมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำในลำห้วยเริ่มล้นตลิ่งท่วมสะพานทับช้างห้วยแก้ว รถไม่สามารถสัญจรได้
ภาพ:สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
