ผู้เสียหายคือ “น้องบี” นามสมมติ อายุ 24 ปี ชาวจังหวัดราชบุรี เล่าว่า มีอาชีพหลักเป็นพนักงานตรวจสอบบัญชีอยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังหารายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวด้วยการรับงานเป็นวีเจ พริตตี้ และรับถ่ายแบบ แต่ด้วยลักษณะงานที่ทำ ประกอบกับเป็นสาวรูปร่างเล็ก จึงอยากจะทำศัลยกรรมหน้าอกเพื่อสร้างความมั่นใจ เสริมบุคลิกภาพ และรายได้ที่จะตามมาในอนาคต
แม่ค้าแฉ "ซอยนรก" โจรล้วงกระเป๋าเกลื่อน
สั่งปรับชายเร่ร่อน 200 บาท แล่ซากสุนัขข้างถนน
จึงหาข้อมูล และรีวิวของคลินิกศัลยกรรมต่างๆ กระทั่งพบว่าคลินิกแห่งหนึ่งมีลูกค้าเป็นเน็ตไอดอลในติ๊กต็อกมารีวิว จึงตัดสินใจเลือกผ่าตัดเสริมหน้าอกขนาด 435 ซี.ซี. ที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ราคาค่าบริการอยู่ที่ 30,000 บาท แต่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด ในวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่คลินิกสาขาย่านประชาชื่น กทม.
หลังผ่าตัดครบ 7 วัน ในวันที่ 21 ส.ค. จึงไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจอาการ พบว่าที่เต้านมข้างขวา หัวนมเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ไร้ความรู้สึก รวมไปถึงมีตุ่มพองขึ้นหลายจุด จากการติดเชื้อ จึงตัดสินใจเอาเต้านมเทียมข้างขวาออกเพียง 1 ข้าง
ต่อมาเต้านมข้างซ้าย ก็เริ่มมีอาการปวด พร้อมกับมีน้ำนมไหล และมีไข้หนาวสั่นคล้ายติดเชื้อ จึงไปพบคุณหมออีกครั้ง ปรากฏว่าบริเวณฝีเย็บที่เต้านมข้างซ้ายมีอาการปริแตก เป็นหนอง ต้องเย็บใหม่ และอยู่ระหว่างรอดูอาการ แม้จะผ่านไปได้ 7 วัน
แต่บาดแผลก็ยังไม่สมาน ต้องเย็บใหม่รวมเป็นครั้งที่ 3 กระทั่งวันที่ 22 ก.ย. เธอทนความเจ็บปวดต่อไปไม่ไหว จึงตัดสินใจให้คุณหมอนำเต้านมเทียมข้างซ้ายออก ซึ่งขณะนั้นหมอก็บอกว่าให้รออีกสัก 2-3 วัน แต่พนักงานขายของคลินิกแนะนำว่าควรเอาเต้านมเทียมออกก่อน ค่อยใส่ใหม่หากอาการดีขึ้น เธอจึงเชื่อพนักงานขาย
น้องบีบอกว่า หลังเธอมาโพสต์เรื่องนี้ในโซเชียลก็มีหญิงสาวประมาณ 3 คนทักมาบอกว่า ไปเสริมเต้านมที่คลินิกและเจอปัญหาเดียวกัน บางคนอาการหนักกว่าต้องไปกินนอนรักษาที่คลินิกนานนับเดือน บางคนต้องตัดนมทิ้ง และเพิ่งทราบจากผู้เสียหายคนอื่นว่าหมอที่เสริมเต้านมให้เธอเป็นหมอสูตินารีเวชชื่อดังใน จ.สมุทรสาคร
หรือ หมอทำคลอด ก็ยังรู้สึกงง ว่ามาทำศัลยกรรมได้อย่างไร ซึ่งไม่เพียงรับเสริมเต้านมเท่านั้น ยังรับทำจมูกและศัลยกรรมอย่างอื่นด้วย
จากนั้นเธอได้เจรจาค่าเสียหาย เบื้องต้นคลินิกคืนเงินค่าศัลยกรรม 30,000 บาท ส่วนค่าชดเชยเธอได้ยื่นข้อเสนอไปในวงเงิน 150,000 บาท เพื่อจะนำไปเป็นค่ารักษาตัว และศัลยกรรมนมใหม่ แต่ทางทนายความของคลินิกปฏิเสธ และให้ไปฟ้องร้องเอาเอง
น.ส.บีบอกว่า หลังทำศัลยกรรม เธอต้องใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ทรมาน เจ็บปวดทั้งกายและใจ เสียเวลา อาชีพ และเงินรายได้ที่จะใช้สำหรับจุนเจือครอบครัว จึงอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์คนที่คิดจะทำศัลยกรรม ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพของหมอคนดังกล่าวด้วย