NO ad avaliable!

ยึดทรัพย์ 137 ล้าน! ขบวนการหลอกขายพระวัดเขาชีจรรย์-เอาผิดเจ้าอาวาส

โดย: PPTV ONLINE

"บิ๊กโจ๊ก" สั่งยึดทรัพย์ขบวนการหลอกขายพระวัดเขาชีจรรย์ 137 ล้าน พร้อมเอาผิดเจ้าอาวาสหลังเปิดให้กลุ่มทุนจีนเช่าพื้นที่

สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มจีนเทา ใช้บริษัทนอร์มินีไปเช่าที่วัด และเปิดกิจการจำหน่ายวัตถุมงคลกันอย่างโจ๋งครึ่มที่ วัดเขาชีจรรย์  อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ล่าสุดที่ตำรวจสืบสวนขยายผลไปพบ ไม่ใช่แค่คนจีน แต่งานนี้เจ้าอาวาสอาจมีเอี่ยวด้วยหรือไม่ เพราะพบเงินหมุนเวียนในบัญชีเครื่อญาติจำนวนมาก

โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.แถลงสรุปคคดีดังกล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียนว่าวัดแห่งนี้มีกลุ่มคนจีนมาเช่าที่วัดและหลอกขายวัตถุมงคลให้กับชาวจีน ล่าสุดผลการสืบสวนออกมาแล้ว

คอนเทนต์แนะนำ
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เลื่อนนัดฟังคำสั่ง คดีฟ้อง กกต. 25 ก.ย.
จับตาดีลตั้งรัฐบาล! เพื่อไทยเตรียมแถลงร่วมหลายพรรค เที่ยงนี้
สภาพอากาศวันนี้ 9 ส.ค. อิทธิพลมรสุม! ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่ง

โดยพฤติการณ์ของขบวนการณ์นี้ กลุ่มนายทุนคนจีน จะใช้บริษัทนอร์มินีที่เป็นคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นไปขอเช่าที่กับทางวัดเดือนละ 150,000 บาท เพื่อจำหน่ายวัตถุมงคล โดยวัตถุมงคลที่ตรวจพบก็เป็นพระปลอม ทองที่เลี่ยม ก็เป็นทองปลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการส่งพระไปตรวจสอบกับวัดต้นสังกัด เช่นสมเด็จวัดระฆัง พบว่าเป็นพระปลอม ต้นทุนแค่ไม่เกิน 400 บาท แต่มีการไปหลอกขายให้กับลูกทัวร์จีน ตั้งแต่ 10,000 – 90,000 บาท โดยคนขายก็เป็นคนจีน ทั้งหมด ลูกทัวร์ก็เป็นคนจีน การจ่ายเงินก็ใช้วิธีการรูดบัตร เงินส่งเข้าจีนทันทีทุกบาททุกสตางค์

ซึ่งงานนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หักพาล รอง ผบ.ตร. มองว่า นี่เป็นพฤติการณ์ของทัวร์ศูนย์เหรียญรีเทิร์น กลับมาอีกแล้ว และสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างมาก

ตรงนี้น่าสนใจเพราะ ตำรวจไปพบเส้นทางการเงินหมุนเวียนระหว่างคนจีน กับ เจ้าอาวาส เครือญาติของเจ้าอาวาส เช่น แม่และน้องชาย หรือ แม้แต่บัญชีแม่บ้านของวัด ยังถูกใช้เป็นบัญชีรับเงินค่าเช่าที่วัดเดือนละเป็นแสน มีเงินหมุนเวียน ในบัญชีแม่บ้านราว 50 ล้านบาท นั่นหมายความว่า เงินทั้งค่าเช่าที่ และ ส่วนแบ่งอื่นๆที่หลายคนคิดว่าจะนำมาทำนุบำรุงวัด บำรุงศาสนา ไม่ได้เข้าวัดเลย แต่เข้ากระเป๋าของกลุ่มบุคคลแทน 

เบื้องต้น เจ้าอาวาสถูกดำเนินคดีอาญา ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเรียกรับทรัพย์สินด้วย

นายอินทพร จั่นเอี่ยม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บอกว่า จริงๆแล้วบริษัทเอกชนชาวไทย สามารถเช่าที่วัดประกอบธุรกิจได้ แต่ต้องขออนุญาต และทำตามวัตถุประสงค์ชัดเจน และที่สำคัญผลประโยชน์ต้องเข้าวัด ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว

นอกจากการการจับกุมผู้ต้องหา ตำรวจขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินของขบวนการนี้ ได้ 137 ล้านบาท  มีทั้งบ้านพร้อมที่ดิน 10 หลัง รถยนต์ 10 คัน รถจักรยานยนต์ 12 คัน โฉนดที่ดิน 3 แปลง หุ้นบริษัท 50,000 หุ้น บัญชีธนาคาร 20 บัญชี และอาวุธปืน 2 กระบอก

และในระหว่างที่ตำรวจ กำลังขยายผลเข้าไปตรวจค้นบ้านของ นายทุนคนจีนรายหนึ่ง ปรากฎว่า ตำรวจไปเจอภรรยา ชาวจีน 1 คน และ เด็กผู้ชายอายุ 2 ขวบอีก 1 คน แต่เด็กคนนี้กลับมีสัญชาติไทย และมีพ่อเป็นคนไทย ซึ่งตำรวจดูจากรูปพรรณแล้ว ดูเหมือนจะมีเชื้อสายจีนแท้ๆมากกว่า จึงขอตรวจ DNA ซึ่งแม่เด็กก็ไม่ยอม สุดท้ายมารู้ทีหลังว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของคนจีน ทั้งพ่อทั้งแม่ แต่มีการไปจ้างคนไทยสวมรอยจดทะเบียนเป็นพ่อเด็ก ดูแล้วเป็นการวางแผนล่วงหน้าระยะยาว ให้เด็กชาวจีนคนนี้สามารถถือครองทรัพย์สินในเมืองไทยได้ในอนาคต คล้ายกับขบวนการอุ้มบุญกลืนชาติ

สำหรับกรณีที่จ้างคนไทย ไปสวมรอยเป็นพ่อเด็กชายชาวจีน เคสนี้ก็ถูกดำเนินคดี แจ้งข้อมูลเท็จทั้งคนไทย และหญิงชาวจีน ที่เป็นแม่เด็ก สรุปแล้วเรื่องนี้จากคดีเช่าที่วัดขายวุตถุมงคล จนนำไปสู่คดีจ้างพ่อปลอมสวมสัญชาติเด็กจีน

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ตำรวจ เตรียมขยายผลต่อถึงกลุ่มทัวร์ด้วยว่าเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญหรือไม่

NO ad avaliable!

RELATED

TOP สังคม