ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่า ทางรัฐบาลได้จัดสรรงบมาประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อจองซื้อวัคซีน 26 ล้านโดส งบดังกล่าวครอบคลุมเรื่องการดำเนินการและการเก็บรักษา
ครม.เห็นชอบ สั่งจองซื้อวัคซีนโควิด 26 ล้านโดส เพื่อคนไทย 13 ล้านคน
ทั้งนี้ไทยจะซื้อวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดร่วมมือกับบริษัทแอสตราเซนนิกาในราคาทุน ตกโดสละ 5 เหรียญ เพราะไทยถือเป็นผู้ร่วมผลิต แต่หากไปซื้อจากผู้ผลิตรายอื่น ราคาจะสูงกว่านี้ ยิ่งกว่านั้น วัคซีนของอ็อกฟอร์ด มีข้อมูลว่าเก็บรักษาง่ายกว่าด้วย
ในส่วนของผู้ผลิตในประเทศ ทางรัฐบาล ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ อาทิ ทีมจากคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในวันพุธที่ 25 พ.ย.63 จะมีโอกาสคุยกับบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งเป็นอีกทีมผู้ผลิตซึ่งมีความคืบหน้าอย่างยิ่งเรื่องพัฒนาวัคซีน
“สิ่งที่เราได้จากการร่วมลงทุนจัดหา และพัฒนาก็คือราคาอยู่บนหลักการ No Profit No Loss Principle หรือเป็นหลักการการไม่แสวงหาผลกำไร โดยเขาจะขายในราคาต้นทุน ในราคาต่ำ โดยอยู่ที่ราคาหลอดละประมาณ 5 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 151 บาท) ต่อหลอด” นายอนุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติอนุมัติงบ 6,049,723,117 บาท สำหรับสั่งจองซื้อวัคซีนโควิด-19 จากบริษัท แอสตร้า เซนเนกา จำกัด จำนวน 26 ล้านโดส ซึ่งสามารถครอบคลุมการรักษาคนไทยร้อยละ 20 ของประชากรหรือ 13 ล้านคน
วัคซีนป้องกันโควิด-19 จาก มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ได้ผล 70%