อัปเดตแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 ระยะเร่งด่วน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




อัปเดต แผนกระจายวัคซีนโควิด-19 ระยะเร่งด่วน 2 ล้านโดสแรก 1 ล้านคน ใน 10 จังหวัด

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานประธานอนุกรรมการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 กล่าวถึงการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ว่า นโยบายการให้วัคซีนโควิด-19 กับประชาชน คือ ทุกคนในประเทศไทยรวมถึงแรงงาต่างด้าว เข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค

175 รายใหม่ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ติดเชื้อในประเทศ 167 ราย      

จุฬาฯ ติดโควิดเพิ่ม รวม 20 รายแล้ว ประกาศปิดมหาวิทยาลัยชั่วคราว-สอนออนไลน์

โดยเป้าหมายการให้วัคซีน คือ

1.เพื่อลดอัตราการป่วยและตาย กลุ่มเป้าหมายเป็น ประชากรกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อ ได้แก่ ประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง

2.เพื่อปกป้องระบบสุขภาะของประเทศ กลุ่มเป้าหมายเป็นบุคลากรทงการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยในงาน

และ 3.เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ กลุ่มเป้าหมายเป็น แรงงานในภาคธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไป ซึ่งกรณีที่เป็นแรงงานต่างชาติจะเป็นการร่วมจ่ายโดยเจ้าของกิจการ

ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ปฏิบัติหน้าที่ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า พื้นที่เป้าหมายการฉีดในระยะเร่งด่วน ช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย.2564 จะกระจายใน 10 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ที่เคยเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ที่มีการพบการติดเชื้อต่อเนื่อง

โดยจะให้บริการในสถานพยาบาลที่มีแพทย์และห้องฉุกเฉินทั้งรัฐและเอกชน ได้แก่ สมุทรสาคร 10 แห่ง กรุงเทพฯ 62 แห่ง สมุทรปราการ 30 แห่ง นนทบุรี 21 แห่ง ปทุมธานี 22 แห่ง ระยอง 13 แห่ง ชลบุรี 32 แห่ง จันทบุรี 14 แห่ง ตราด 8 แห่งและตาก 11 แห่ง

ทั้งนี้ แผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 ล้านโดสที่จะเข้ามาในประเทศไทย แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ณ ช่วงเวลานั้น โดย 1 คนจะฉีด 2 เข็ม ใน 10 จังหวัด ประกอบด้วย

1.สมุทรสาคร 8.2 แสนโดส จำนวน 4.1 แสนคน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 8,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 6,000 คน ผู้ที่มีโรคประจำตัว 36,000 คน ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 1.5แสนคน และประชาชนทั่วไปและแรงงาน 2.1 แสนคน

2.กรุงเทพฯ 8 แสนโดส จำนวน 4 แสนคน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 32,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 8,000 คน ผู้ที่มีโรคประจำตัว 1แสน คน ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 1แสนคน และประชาชนทั่วไปและแรงงาน 1.6 แสนคน

3.นนทบุรี 26,000 โดส จำนวน 13,000 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 9,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 4,000 คน

4.ปทุมธานี 26,000 โดส จำนวน 13,000 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 9,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 4,000 คน

5.สมุทรปราการ 28,000 โดส จำนวน 14,000 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 9,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 5,000 คน

6.ระยอง 18,000 โดส จำนวน 9,000 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 5,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 4,000 คน

7.ชลบุรี 28,000 โดส จำนวน 14,000 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 10,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 4,000

8.จันทบุรี 16,000 โดส จำนวน 8,000 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 6,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 2,000 คน

9.ตราด 12,000 โดส จำนวน 6,000 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 5,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 1,000 คน

และ 10.ตาก 1.6 แสนโดส จำนวน 80,000 คนเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 8,000 คน เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 2,000 คน ผู้ที่มีโรคประจำตัว 10,000 คน ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 10,000 คน และประชาชนทั่วไปและแรงงาน 50,000 คน

รวม 1,934,000 โดส จำนวน 967,000 คน ส่วนอีก 66,000 โดสสำหรับ 33,000 คนนั้นจะสำรองไว้เผื่อมีพื้นที่อื่นระบาดเกิดขึ้น โดยจะให้กับพื้นที่ที่อยู่โดยรอบพื้นที่ระบาดเพื่อเป็นการสกัดวงการแพร่เชื้อ

 

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ