นายกฯ ลั่น ปชช.ต้องได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคน
ไฟเขียวออกใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19
ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี มีการประชุมที่สำคัญ เป็นประธานการประชุม เพื่อชี้แจงขั้นตอนการนำเข้า การขึ้นทะเบียน การกระจาย และการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แก่สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมและตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน
ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ยืนยันว่า ไม่มีการปิดกั้น ภาคเอกชนในการนำเข้าวัคซีน รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งมีหน้าที่ในการขึ้นทะเบียนออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวก เปิดช่องทางพิเศษในการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 สำหรับภาคเอกชน โดยต้องมายื่นเป็นผู้รับอนุญาตนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักรก่อน และยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 จ ากนั้น อย.จะพิจารณาจากเอกสาร ด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผล เพื่อให้สามารถอนุมัติทะเบียนโดยเร็วที่สุด
ในส่วนของผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ายาอยู่แล้ว เช่น โรงพยาบาลเอกชน หากประสงค์จะนำเข้าวัคซีนโควิด 19 ก็ต้องมาขอขึ้นทะเบียนวัคซีนอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล ปัจจุบันมีผู้มายื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 กับ อย. แล้ว จำนวน 4 ราย ได้แก่
วัคซีน โควิด 19 วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วทั้ง 2 ราย
และอีก 2 ราย ได้แก่
- วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด และ
- วัคซีนของบริษัท บารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด อยู่ระหว่างการยื่นเอกสาร
ทั้งนี้ ขั้นตอนตั้งแต่การประเมินวิชาการถึงการอนุมัติจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน
นอกจากนี้ ในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม ได้กล่าวยืนยันพร้อมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับแรงงานภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศเดินหน้าไปได้
สอดคล้องกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ย้ำว่า รัฐบาลไม่เคยปิดกั้น ให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีน
ส่วนการออกพาสปอร์ตวัคซีน นายกก็บอกว่ากำลังรอองค์การอนามัยโลกกำหนดมาตรฐานกลางให้ทุกประเทศ แต่ได้สั่งการให้ กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาข้อกำหนด ในการออกวัคซีนพาสปอร์ตไว้ก่อน