เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ได้มีมติปรับระดับพื้นที่ทั่วประเทศ เป็น 3 สี คือ สีแดงเข้ม 6 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ชลบุรี เชียงใหม่ พื้นที่สีแดง 45 จังหวัด และสีส้ม 26 จังหวัด พร้อมยกระดับมาตรการเข้มแต่ละพื้นที่ ให้สอดคล้องกับการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ พื้นที่ หรือ ประกาศเคอร์ฟิว แต่อย่างใด โดยมาตรการงดออกจากบ้าน และงดเดินทาง เป็นการขอความร่วมมือเท่านั้น ซึ่งมีผลตั้งแต่ 00.01 น.ของวันที่ 1 พ.ค.64
ด่วน! ศบค.ยกระดับ 6 จังหวัด สีแดงเข้ม ห้ามกินในร้าน งดเดินทาง เริ่ม 1 พ.ค.
วุ่น! โควิด-19 ลามเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา พบนักโทษ-ผู้คุมติดเชื้อ 12 ราย
เช็ก 50 เขตกทม. จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 วันนี้ ตัวเลขลดลง
มาตรการหลักที่ต้องใช้ทุกพื้นที่คือการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าอย่างเคร่งครัดเมื่อออกนอกเคหสถาน ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงได้เสนอพิจารณา เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ฐานฝ่าประกาศเรื่องสวมหน้ากาอนามัย เป็นในทิศทางเดียวกัน และขอให้ทุกหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home อย่างเคร่งครัด
สำหรับประเด็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยนอกเคหะสถานนั้น มีแนวทางปรับลดค่าปรับให้เหมาะสม ดังนี้
อีกประเด็นสำคัญคือศปก.ศบค.ได้เสนอต่อที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ให้ออกมาตรการเยียวยา ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการยกระดับคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ เร่งรัดช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง มีประกันสุขภาพบุคลากรทางการแพทย์
สำหรับรายละเอียดมาตรการใหม่ ตามแนวทางยกระดับ ของพื้นที่ สีแดงเข้ม สีแดง สีส้ม ดังนี้
- พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม 6จังหวัด
มาตรการสำหรับพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีดังนี้
- พื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีแดง 45 จังหวัด
พื้นที่สีแดง หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุด มีมาตรการดังนี้
- พื้นที่ควบคุม หรือ สีส้ม 26 จังหวัด
มาตรการในพื้นที่สีส้ม หรือพื้นที่ควบคุม มีดังนี้