เอกสาร 2 ฉบับที่ออกโดนนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถูกส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ห่างกัน แค่ 3 วัน คือ ฉบับแรก ขอให้สนับสนุนวัคซีนให้พนักงานและครอบครัวของพนักงานบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด รวมทั้งหมด 71,415 คน หลังจากหนังสือถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก เรื่องความเหมาะสม เพราะ สถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่มผู้สูงอายุและ 7 โรคเสี่ยงที่ลงทะเบียนล่วงหน้ายังได้ฉีดวัคซีนไม่ครบเลย
มหาดไทย รับ สั่งทุกจังหวัดหาวัคซีนฉีดให้ พนง.บริษัทยักษ์ และครอบครัว 7 หมื่นคน
เปิดขั้นตอนเอกชนขออนุญาต "นำเข้าวัคซีนโควิด-19" ระยะเวลาดำเนินการ 30 วัน
ถัดจากนั้น 20 มิถุนายน มีเอกสารคำสั่งใหม่ขอยกเลิกประกาศเดิม หมายความว่า จะไม่จัดสรรวัคซีนให้พนักงานและและครอยครัวพนักงานบริษัทไทยเบฟเวอเรจแล้ว
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ยืนยันว่า หน่วยงานและกลุ่มองค์กร สามารถขอรับวัคซีนได้ เพื่อประโยชน์ในการฉีดวัคซีนแบบหมู่ ตามความจำเป็น ขอร้องประชาชนอย่ามองเป็นเรื่องเส้นสายหรือช่องทางพิเศษ พร้อมย้ำว่า ตามหลักการ ศบค.จะพิจารณาตามความจำเป็นเร่งด่วนก่อน รวมถึงการขอให้กลุ่มเอกชนไม่สามารถขอแผ่ไปถึงครอบครัวของพนักงานหรือลูกจ้างได้
ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อธิบายว่า เริ่องนี้เกิดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ยืนยันไม่มีเจตนาเอื้อประโยชน์ใคร ส่วนการจัดสรรวัคซีนเป็นไปตามที่ ศบค.กำหนดนโยบายไว้
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แสดงความเห็นกรณีเอกสารปลัดกระทรวงมหาดไทยขอจัดสรรวัคซีนของบริษัทไทยเบฟ ว่า ไม่อยากให้ทุกคนเรียกว่าเป็นเอกสารหลุด เพราะ เอกสารดังกล่าวไม่ใช่ความลับ เป็นจดหมายธรรมที่ส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ย้ำว่าหลังจากนี้ทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม คือ กระทรวงสาธารณสุขจะจัดส่งวัคซีนให้ทุกจังหวัดตามอย่างเป็นธรรม
สำหรับการขอรับวัคซีน แบบเป็นกลุ่ม หรือ ผ่านองค์กรภายรวม ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า มีกติกาเปิดทางไว้ให้สามารถทำได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดขั้นตอนว่า จะต้องนัดหมายรับวัคซีนในรูปแบบองค์กร จากนั้นประสานโรงพยาบาลที่จะรับการฉีด ก่อนจะทำหนังสือไปถึงหน่วยงานในพื้นที่ พื้นที่กทม.ส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร พื้นที่ต่างจังหวัดให้ทำหนังสือไปที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และองค์กรขนาดใหญ่ที่มีอยู่หลายจังหวัด ให้ทำหนังสือไปยังกรมควบคุมโรค
ทั้งนี้จากการสังเกตพบว่า ของบริษัทเอกชนแห่งนี้ไม่ได้ทำหนังสือผ่านมาทางกระทรวงสาธารณสุข แต่ผ่านไปยังกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องส่งมาทางกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรวบรวมให้กับศบค. เป็นผู้พิจารณาจัดสรร
ส่วนเรื่องการเปิดประเทศภายใน 120 วันจะทำได้จริงหรือไม่ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงไม่ลดลง นายอนุทิน บอกว่า เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี และศบค.ที่ต้องทำให้ได้ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุน และเตรียมความพร้อม ทั้งระบบสาธารณสุข หมอก็ต้องพร้อม อุปกรณ์ยา และเวชภัณฑ์ ส่วนการประเมินความเสี่ยงต้องทำอยู่แล้ว และต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ทุกพื้นที่โดย เริ่มตั้งแต่กระจายวัคซีนให้มาก และต้องถูกกลุ่มถูกเป้าหมาย ยืนยันนำทุกปัจจัยมาวิเคราะห์ และรายงาน เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาตัดสินใจ โดยในเดือนมิถุนายน จากเดิมที่คาดว่า จะมีวัคซีน 6 ล้านโดส ขณะนี้วัคซีนที่ เข้ามา ทั้งแอสตร้าเซเนก้า และ ซิโนแวค จะมีรวม 8.5 ล้านโดส ส่วนสัปดาห์นี้มีวัคซีนแอสตร้าฯเข้ามาแต่ไม่ขอเปิดเผยจำนวน
ด้าน ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ออกประกาศลงวันที่ 21 มิ.ย. 2564 เรื่อง วิกฤติการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 3) แสดงความห่วงใยเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่มีเป้าหมายเปิดประเทศใน 120 วัน โดยเตือนว่า อยากให้ รัฐบาลให้น้ำหนักความสำคัญมาตรการควบคุมโรคมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อย่าให้เปิดแล้วเกิดการระบาดใหญ่ของโควิดระลอก 4