ล่าสุดองค์การอนามัยโลกประกาศสนับสนุนการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ในการผลิต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาใช้ โดยโรงงานแห่งนี้จะตั้งขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่กำลังลำบากอย่างหนักจากการระบาดของโควิดกลายพันธุ์
ข่าวการสร้างโรงงานผลิตวัคซีนด้วยการใช้เทคโนโลยี mRNA ถูกประกาศโดยผู้อำนวยการใหญ่ WHO ที่ระบุว่า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการให้ประเทศยากจนมีหลักประกันในการเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
ผู้เชี่ยวชาญชี้โควิด-19 กลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้อาจดื้อยา
ญี่ปุ่นพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ตัวใหม่ ติดเชื้อแล้วเกือบร้อยคน
โดยขณะนี้ทางองค์การอนามัยโลกอยู่ระหว่างการพูดคุยกับบริษัทเจ้าของเทคโนโลยี่เพื่อให้มีการถ่ายทอดความรู้ในการผลิต
องค์การอนามัยโลกคาดว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดว่าแอฟริกาใต้ซึ่งถูกเลือกให้เป็นประเทศฐานการผลิต จะเริ่มผลิตวัคซีนได้ในอีก 9-12 เดือนข้างหน้า ก่อนจะกระจายวัคซีนไปยังประเทศอื่นๆในทวีปแอฟริกา
ก่อนหน้าการประกาศของ WHO ในการตั้งโรงงานผลิตวัคซีน mRNA ผู้นำแอฟริกาใต้ออกมาอ้อนวอนให้ประชาคมโลกช่วยเหลือด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้ เพราะการรอรับการแจกจ่ายวัคซีนไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
หลังการประกาศขององค์การอนามัยโลก ประธานาธิบดีประเทศแอฟริกาใต้ออกมาทวิตข้อความว่า นี่เป็นข่าวดีสำหรับภูมิภาคที่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงวัคซีนปัญหาประเทศยากจนเข้าไม่ถึงวัคซีนเป็นปัญหาใหญ่ ถึงแม้ว่าองค์การอนามัยโลกจะมีโครงการ COVAX เพื่อกระจายวัคซีน แต่เกือบครึ่งของสมชิคโครงการ COVAX ที่มีอยู่ราว 190 ประเทศ มีวัคซีนไม่เพียงพอฉีดวัคซีนให้ประชาชน โดยบางประเทศไม่เหลือวัคซีนแม้แต่โดสเดียว
นอกเหนือจากวัคซีนไม่พอ ปัญหาที่ที่สำคัญอีกอย่างคือ COVAX มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับโควิดกลายพันธุ์ไม่เพียงพอ ยกตัวอย่างเข่น ไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงไม่ได้เข้าร่วมในโครงการ COVAX
ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือ ประเทศยากจนและรายได้ปานกลาง และที่เปราะบางที่สุดคือ ประเทศในทวีปแอฟริกา
สถานการณ์ในแอฟริกาน่ากังวลมาก เนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัคซีนเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่ายอดผู้ติดเชื้อทั่วแอฟริกาเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และคาดว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้มีประชากรไม่ถึงร้อยละ 1 ของประชากรในทวีปกว่า 1,340 ล้านคน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ซึ่งถือว่ายังห่างไกลจากเป้าหมายของโลก ที่ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ร้อยละ 10 ของประชากรทุกประเทศภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้