เอกสารซึ่งลงนามโดยนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ส่งถึงผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่น่าสนใจคือข้อ 5 ของประกาศที่ระบุให้ยกเลิกการตรวจเชิงรุกโดยวิธี RT-PCR แต่ให้ใช้วิธีการตรวจแบบแอติเจน เทส คิด แทนการคัดกรองเบื้องต้น โดยกรณีที่ผู้ป่วยผลเป็นบวก จะเป็นกลุ่ม Probable case คือ กลุ่มสงสัยว่าจะเป็น หรือกลุ่มน่าจะเป็น แต่อาจไม่เป็นก็ได้ ซึ่งจะยังไม่นับเป็นกลุ่มคนป่วย ไม่ต้องรายงานในระบบ ทำให้มีการตั้งคำถามว่า ถือ เป็นการปกปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อหรือไม่
ดีเดย์ 2 ส.ค.เปิดทางเชื่อมให้ผู้โดยสาร MRTบางซื่อ ต่อรถไฟฟ้าสีแดงได้
ล่าสุดนายแพทย์ธงชัย ได้ลงนามประกาศเปลี่ยนแปลงข้อสั่งการ ถึงผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแล้ว โดยยกเลิกข้อสั่งการข้อ 5 พร้อมให้ดำเนินการตรวจเชิงรุกด้วยวิธีแอติเจน เทส คิด เข้ามาเสริมกรณีที่วิธี RT-PCR ทำได้จำกัด และกรณีที่ผลการตรวจเป็นบวก ให้รายงานเป็น Probable case ตามระบบ แต่ถ้าหากได้รับการตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR ให้รายงานเป็นผู้ป่วยยืนยัน
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ และ พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย แถลงชี้แจงการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา โดย พญ.ป่านฤดี ระบุสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการระบาด คือ ต้องเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกเพิ่มขึ้น โดยตอนนี้ต้องใช้ แอนติเจน เทสต์ คิท มาช่วยตรวจเพิ่ม หากพบใครติดเชื้อ แต่อาการไม่รุนแรงก็จะให้เข้าสู่ระบบ Home Isolation หรือ Community Isolation ทันที เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาโดยเร็ว
ส่วนประเด็นเรื่องการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของ กทม.และกระทรวงสาธารณสุข ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีปัญหากันหรือไม่นั้น ประเด็นนี้ ร.ต.อ.พงศกร ยืนยันว่าไม่เคยขัดแย้งกัน เพราะมีศัตรูตัวเดียวกัน คือ โควิด
ส่วนปัญหาความแออัดที่จุดให้บริการฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า กทม. มีแนวคิดที่จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจะกระจายวัคซีนมายังศูนย์ฉีดของ กทม. เพื่อลดความแออัดหรือไม่ ประเด็นนี้ ร.ต.อ.พงศกร ระบุว่า กทม. พร้อมช่วยเหลือตลอด แต่ กทม. ไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประเมิน ว่าจะกระจายวัคซีนยังไง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากที่สุด
ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ กทม. จะจัดซื้อวัคซีนเอง ร.ต.อ. พงศกร ระบุว่า กทม.มีความพร้อมและได้จัดซื้อวัคซีนทางเลือกแล้วบางส่วนแล้ว เช่น ซิโนฟาร์ม และตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อโมเดอร์นาต่อไป
ด้าน สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย UK in Thailand เผยแพร่คลิปวีดีโอของนายมาร์ค กูดดิ้ง ว่าที่เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ระบุว่า อังกฤษจะบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 415,000 โดส ให้กับไทย โดยจะส่งมาถึงภายใน 1 – 2 สัปดาห์นี้ สำหรับการบริจาควัคซีนในครั้งนี้ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างไทย และอังกฤษ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่ได้รับบริจาควัคซีนเหล่านี้ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการระบาดอย่างสาหัส
ด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลไทยขอขอบคุณความสนับสนุน และความร่วมมือจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร และสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ที่มีให้กับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้ากรณีสหรัฐอเมริกาบริจาควัคซีนไฟเซอร์ให้ไทย ล่าสุด พันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกาเตรียมจะส่งวัคซีนให้ไทยทั้งหมด 2.5 ล้านโดส โดยจะจัดส่งลอตแรกให้ก่อนจำนวน 1.5 ล้านโดส เพื่อนำมาใช้ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยไม่มีเงื่อนไขข้อจำกัดด้าน สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์ จะมาถึงไทยในวันที่ 30 กรกฎาคม ซึ่งตามรายงานคาดจะมาถึงกรุงเทพในช่วงเช้ามืดวันพรุ่งนี้
ด้าน นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรควบคุมโรค เปิดเผยว่า เมื่อวัคซีนมาถึง จะนำไปเก็บในคลังวัคซีนที่มีมีอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียล และในวันพรุ่งนี้จะมีอบรมการจัดเก็บวัคซีน การผสม และการฉีดผ่านระบบออนไลน์ให้หน่วยฉีด เพราะวัคซีนไฟเซอร์มีวิธีการฉีดแตกต่างจากชนิดอื่น คือต้องผสมน้ำเกลือลงไปให้ได้ตามสัดส่วน โดย 1 ขวด จะฉีดได้ 6 คน และเมื่อนำออกมาจากคลังเก็บวัคซีนเพื่อกระจายไปยังจุดฉีดทั่วประเทศ ซึ่งมีอุณหภูมิจัดเก็บระหว่าง 2-8 องศาเซลเซียล วัคซีนจะอยู่ได้ประมาณ 4 สัปดาห์ ทำให้ต้องเร่งฉีดให้เร็วที่สุด
ส่วนแผนจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ลอตแรกจำนวน 1.5 ล้านโดส ที่จะเข้าไทย ข้อมูลตามมติคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระบุสัดส่วนชัดเจน โดยกลุ่มแรก 700,000 โดส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศเพื่อใช้ฉีดกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 กลุ่มถัดมา 645,000 โดส ให้ผู้สูงอายุ , ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค , หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ในจังหวัดที่มีการระบาดสูง 150,000 โดส ชาวต่างชาติที่อาศัยในไทย , ผู้เดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องรับวัคซีน 5,000 โดส สำหรับศึกษาวิจัย และ 40,000 โดส สำรองตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์
โปรแกรมถ่ายทอดสด โอลิมปิก 2020 ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564
