เอกสารมติการประชุมคณะทำงานด้านบริหารการจัดการ การให้บริการวัคซีนโควิดไฟเซอร์ ซึ่งถูกเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ เนื้อหาระบุถึงเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐฯ ล็อตแรก 1.5 ล้านโดส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า
ที่น่าสนใจคือ ในเอกสารนี้ยังระบุถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขที่ไม่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์
คือ ได้รับแอสตร้าเซนเนก้าครบ 2 เข็ม
ได้รับแอสตร้าเซนเนก้า กระตุ้นเข็มที่ 3
ออกซ์ฟอร์ดเผย ติดโควิด-19 เสี่ยงลิ่มเลือดอุดตันมากกว่าฉีดวัคซีน
สธ. ยันบุคลากรทางการแพทย์-ด่านหน้า ได้ฉีด “ไฟเซอร์”ไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส
ได้รับเข็ม 1 ซิโนแวค เข็ม 2 แอสตร้าเซนเนก้า
ได้รับแอสตร้าเซนเนก้า หรือ ซิโนแวค เพียง 1 เข็ม และได้รับวัคซีนชนิดอื่นๆ
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า วัคซีนลอตนี้จะจัดสรรเพื่อเป็นเข็มกระตุ้นเท่านั้น ไม่มีเริ่มเข็ม 1 จึงทำให้เกิดคำถามว่า หลักเกณฑ์นี้ยุติธรรมหรือไม่ เพราะขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์บางคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ด้าน นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กรณีวัคซีนโควิดไฟเซอร์ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวพีพีทีวีกรณีดังกล่าวว่าเอกสารที่มีการเผยแพร่นี้เป็นมติของที่ประชุมเมื่อวานนี้ เป็นหลักเกณฑ์ในครั้งนี้ก่อนเฉพาะลอต 1.5 ล้านโดส เพราะเป็นหลักเกณฑ์ที่เคยเสนอศบค.ไปแล้ว ส่วนกรณีบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโดสแรก แล้วต้องการจะฉีดไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 1 และ 2 ก็จะมีการพิจารณาเป็นรายบุคคลตามความจำเป็น เช่น แพ้วัคซีน หรืออยู่ในพื้นที่การระบาดของสายพันธุ์เบตา หรือ ไม่
ส่วนหลักเกณฑ์ 5 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว และไม่เข้าเกณฑ์ได้ไฟเซอร์นั้น นายแพทย์สุระอธิบายว่า เกณฑ์เหล่านี้มีคณะกรรมการวิชาการด้านวัคซีนเป็นผู้เสนอ เช่น เข็ม 1 ฉีดวัคซีนชนิดนี้ เข็ม 2 ควรเป็นชนิดไหน โดยอ้างอิงจากหลักฐานทางวิชาการ แต่กรณีที่มีข้อเสนออย่าง เข็ม 1 ฉีดแอสร้าเซนเนก้า เข็ม 2 ขอรับไฟเซอร์ หรือ รับแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ขอบูสเตอร์เข็ม 3 ด้วยไฟเซอร์
ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการรับรองจึงยังไม่พิจารณา แต่ขอเวลาเก็บข้อมูล 1-2 เดือนก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า ปลอดภัยต่อคนที่ได้รับวัคซีน